"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 19 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 14,298,596 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,622 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 129.03 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 73.0%”
➡️(19 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,622 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 338 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 161 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 129.03 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (70.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 58.75 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 14,298,596 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 50.79%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,622 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 14,298,596 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 10,850,099 โดส (16.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,448,497 โดส (5.2% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 19 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 14,298,596 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 247,106 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 433,579 โดส
- เข็มที่ 2 1302 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 6,222,069 โดส
- เข็มที่ 2 111,626 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 4,194,451 โดส
- เข็มที่ 2 3,335,569 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 95.91% ไม่มีผลข้างเคียง
- 4.09% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 0.98%
- ปวดศีรษะ 0.73%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.52%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.48%
- ไข้ 0.32%
- คลื่นไส้ 0.22%
- ท้องเสีย 0.14%
- ผื่น 0.12%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.09%
- อาเจียน 0.06%
- อื่น ๆ 0.42%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 112.1% เข็มที่2 97.6%
- อสม เข็มที่1 40.8% เข็มที่2 19.5%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 17.6% เข็มที่2 1.2%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 21.4% เข็มที่1 4.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 41.8% เข็มที่2 25.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 19.3% เข็มที่2 6.0%
รวม เข็มที่1 21.7% เข็มที่2 6.9%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 35.4% เข็มที่2 9.5% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 47.8% เข็มที่2 12.2%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 24.7% เข็มที่2 13%
- นนทบุรี เข็มที่1 26.8% เข็มที่2 9.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 26.3% เข็มที่2 4.9%
- ปทุมธานี เข็มที่1 18.2% เข็มที่2 4.3%
- นครปฐม เข็มที่1 11.3% เข็มที่2 2.4%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 9.8% เข็มที่2 3.6%
- ภูเก็ต เข็มที่1 73.0% เข็มที่2 58.4%
- ระนอง เข็มที่1 32.6% เข็มที่2 9.1%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 17.6% เข็มที่2 7.2%
- เกาะสมุย เข็มที่1 28.0% เข็มที่2 7.9%
- เกาะเต่า เข็มที่1 17.5% เข็มที่2 5.1%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 20.1% เข็มที่2 3.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 126,517,650 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 58,758,193 โดส (15.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 15,096,261 โดส (9.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
3. มาเลเซีย จำนวน 14,347,285 โดส (30.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
4. ไทย จำนวน 14,298,596 โดส (16.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 10,043,602 โดส (35%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 6,812,722 โดส (70.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 4,261,252 โดส (4.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 1,781,622 โดส (14.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 130,824 โดส (25.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 64.12%
2. อเมริกาเหนือ 12.82%
3. ยุโรป 14.94%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.25%
5. แอฟริกา 1.55%
6. โอเชียเนีย 0.32%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,447.43 ล้านโดส (51.7% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 404.93 ล้านโดส (14.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 337.74 ล้านโดส (52.8%)
4. บราซิล จำนวน 123.88 ล้านโดส (30.4%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (76.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (75.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. บาห์เรน (71.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. ชิลี (64.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. อุรุกวัย (64.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. กาตาร์ (63%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. สหราชอาณาจักร (61.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
8. อิสราเอล (60.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. แคนาดา (59.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. มองโกเลีย (59.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และSputnik V)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.