"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 22 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 15,084,696 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,718 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 133.68 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 73.4%”
➡️(22 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,718 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 339 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 162 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 133.68 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (70.7% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 60.05 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 15,084,696 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 51.31%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,718 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 22 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 14,805,120 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 11,538,866 โดส (17.4% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,545,830 โดส (5.4% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 22 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 15,084,696 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 221,620 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 544,647 โดส
- เข็มที่ 2 13,532 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 6,548,515 โดส
- เข็มที่ 2 171,844 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 4,445,704 โดส
- เข็มที่ 2 3,360,454 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 96.05% ไม่มีผลข้างเคียง
- 3.95% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 0.95%
- ปวดศีรษะ 0.70%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.51%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.46%
- ไข้ 0.31%
- คลื่นไส้ 0.21%
- ท้องเสีย 0.14%
- ผื่น 0.11%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.09%
- อาเจียน 0.06%
- อื่น ๆ 0.41%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 112.9% เข็มที่2 98.0%
- อสม เข็มที่1 42.4% เข็มที่2 20.0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 18.8% เข็มที่2 1.2%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 22.8% เข็มที่1 4.3%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 43.0% เข็มที่2 25.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 20.7% เข็มที่2 6.2%
รวม เข็มที่1 23.1% เข็มที่2 7.1%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 37.8% เข็มที่2 9.7% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 12.5%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 25.8% เข็มที่2 13.0%
- นนทบุรี เข็มที่1 28.0% เข็มที่2 9.9%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 27.9% เข็มที่2 5.0%
- ปทุมธานี เข็มที่1 19.6% เข็มที่2 4.5%
- นครปฐม เข็มที่1 12.0% เข็มที่2 2.7%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 10.4% เข็มที่2 3.7%
- ภูเก็ต เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 58.6%
- ระนอง เข็มที่1 33.5% เข็มที่2 9.9%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 18.0% เข็มที่2 7.3%
- เกาะสมุย เข็มที่1 29.5% เข็มที่2 8.8%
- เกาะเต่า เข็มที่1 17.7% เข็มที่2 5.3%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 21.7% เข็มที่2 3.2%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 133,684,701 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 60,051,995 โดส (15.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. ฟิลิปปินส์ จำนวน 15,616,562 โดส (9.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
3. มาเลเซีย จำนวน 15,517,866 โดส (32.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
4. ไทย จำนวน 15,084,696 โดส (17.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 10,588,170 โดส (37.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 6,957,691 โดส (70.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 4,367,939 โดส (4.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 1,861,872 โดส (14.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 137,910 โดส (26.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 64.55%
2. อเมริกาเหนือ 12.4%
3. ยุโรป 14.87%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.25%
5. แอฟริกา 1.59%
6. โอเชียเนีย 0.34%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,479.50 ล้านโดส (52.8% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 417.66 ล้านโดส (15.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 339.10 ล้านโดส (53.0%)
4. บราซิล จำนวน 125.66 ล้านโดส (30.9%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (76.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (75.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. บาห์เรน (71.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (65.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. ชิลี (64.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. กาตาร์ (64.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. สหราชอาณาจักร (62.0%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
8. แคนาดา (61.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
9. อิสราเอล (60.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
10. สิงคโปร์ (60.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.