"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 25 กรกฎาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 15,869,844 โดส และทั่วโลกแล้ว 3,827 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 139.67 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ ภูเก็ต โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 74.7%”
➡️(25 กรกฎาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 3,827 ล้านโดส ใน 201 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.9 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 341 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 163 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 139.67 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (71.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 62.14 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 15,869,844 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยงมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 51.78%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 3,827 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 15,869,844 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 12,226,845 โดส (18.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 2 3,642,999 โดส (5.5% ของประชากร)
2. จำนวนวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 25 ก.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 15,869,844 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 235,155 โดส/วัน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 646,508 โดส
- เข็มที่ 2 33,421 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 6,858,314 โดส
- เข็มที่ 2 224,475 โดส
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 4,722,023 โดส
- เข็มที่ 2 3,385,103 โดส
3. รายงานผู้มีอาการข้างเคียงภายหลังได้รับการฉีดวัคซีน
- 96.31% ไม่มีผลข้างเคียง
- 3.69% มีผลข้างเคียงไม่รุนแรง ประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อ 0.89%
- ปวดศีรษะ 0.66%
- ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด 0.47%
- เหนื่อย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 0.43%
- ไข้ 0.29%
- คลื่นไส้ 0.20%
- ท้องเสีย 0.13%
- ผื่น 0.11%
- ปวดกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง 0.08%
- อาเจียน 0.05%
- อื่น ๆ 0.38%
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 113.5% เข็มที่2 98.4%
- อสม เข็มที่1 44.3% เข็มที่2 20.6%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 20.0% เข็มที่2 1.3%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 24.3% เข็มที่1 4.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 44.2% เข็มที่2 26.3%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 22.2% เข็มที่2 6.4%
รวม เข็มที่1 24.5% เข็มที่2 7.3%
5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 40.2% เข็มที่2 9.9% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 55.1% เข็มที่2 12.7%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 26.7% เข็มที่2 13.0%
- นนทบุรี เข็มที่1 28.9% เข็มที่2 10.0%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 28.6% เข็มที่2 5.1%
- ปทุมธานี เข็มที่1 20.6% เข็มที่2 4.7%
- นครปฐม เข็มที่1 12.9% เข็มที่2 2.8%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 10.9% เข็มที่2 3.8%
- ภูเก็ต เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 59.2%
- ระนอง เข็มที่1 34.6% เข็มที่2 10.0%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 18.6% เข็มที่2 7.4%
- เกาะสมุย เข็มที่1 32.0% เข็มที่2 9.2%
- เกาะเต่า เข็มที่1 18.7% เข็มที่2 5.6%
- เกาะพะงัน เข็มที่1 23.2% เข็มที่2 3.3%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 139,674,033 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 62,140,337 โดส (16.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
2. มาเลเซีย จำนวน 16,904,896 โดส (35.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 16,426,267 โดส (9.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna และ AstraZeneca
4. ไทย จำนวน 15,869,844 โดส (18.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
5. กัมพูชา จำนวน 11,079,725 โดส (39.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca และ Sinovac
6. สิงคโปร์ จำนวน 7,180,902 โดส (71.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
7. เวียดนาม จำนวน 4,535,741 โดส (4.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. พม่า จำนวน 3,500,000 โดส (N/A* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 1,890,818 โดส (14.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 145,503 โดส (27.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 64.54%
2. อเมริกาเหนือ 12.47%
3. ยุโรป 14.75%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.32%
5. แอฟริกา 1.57%
6. โอเชียเนีย 0.35%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 4 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 1,524.90 ล้านโดส (54.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 432.61 ล้านโดส (15.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 341.04 ล้านโดส (53.3%)
4. บราซิล จำนวน 131.59 ล้านโดส (32.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (76.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
2. มัลดีฟส์ (75.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. บาห์เรน (72.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (66.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. ชิลี (65.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. กาตาร์ (65.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. แคนาดา (62.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
8. สิงคโปร์ (62.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
9. สหราชอาณาจักร (62.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
10. อิสราเอล (61.0%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มาข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.