"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 28 กันยายน ฉีดวัคซีนแล้ว 51,296,197 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,108 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 367.46 ล้านโดส โดยจังหวัดของไทยที่ฉีดมากที่สุด คือ กรุงเทพฯ โดยฉีดวัคซีนเข็มแรกกว่า 99.1%”
➡️(28 กันยายน 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,172 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 390 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 184 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 367.46 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (78% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 139.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 51,296,197โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 59.09%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,172 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 28 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 51,296,197 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 31,775,998 โดส (48% ของประชากร)
-เข็มสอง 18,356,876 โดส (27.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,162,501โดส (1.7% ของประชากร)
-เข็มสี่ 822 โดส (0.001% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 28 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 51,296,197 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 656,804 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 827,755 โดส/วัน
3. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124% เข็มที่2 117.3% เข็มที่3 88.3%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 61% เข็มที่2 48.1% เข็มที่3 4.7%
- อสม เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 53.8% เข็มที่3 4.6%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 57.9% เข็มที่1 31.4% เข็มที่3 0.7%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 64% เข็มที่2 34.1% เข็มที่3 0.8%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 56.8% เข็มที่2 31.5% เข็มที่3 0.1%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 13.1% เข็มที่2 7.5% เข็มที่3 0.1%
รวม เข็มที่1 62% เข็มที่2 35% เข็มที่3 2.1%
4. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 78% เข็มที่2 39.7% เข็มที่3 2.2% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 99.1% เข็มที่2 46.4% เข็มที่3 2.%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 61.7% เข็มที่2 34% เข็มที่3 1.1%
- นนทบุรี เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 34.1% เข็มที่3 1.5%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 59.3% เข็มที่2 35.5% เข็มที่3 2.3%
- ปทุมธานี เข็มที่1 49.4% เข็มที่2 34% เข็มที่3 1.6%
- นครปฐม เข็มที่1 39.8% เข็มที่2 22.6% เข็มที่3 1.5%
จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 35.3% เข็มที่2 21.8% เข็มที่3 1.5%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 31.4% เข็มที่3 0.9%
- ชลบุรี เข็มที่1 63% เข็มที่2 34.2% เข็มที่3 2%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 30% เข็มที่3 1.1%
- เพชรบุรี เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 31.8% เข็มที่3 2.1%
- ยะลา เข็มที่1 45.2% เข็มที่2 23% เข็มที่3 1.1%
- สงขลา เข็มที่1 40.2% เข็มที่2 24.9% เข็มที่3 1.4%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 367,460,961 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 139,232,210 (32.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 51,296,197 โดส (48%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. ฟิลิปปินส์ จำนวน 44,361,285 โดส (21.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
4. มาเลเซีย จำนวน 42,699,197 (70.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
5. เวียดนาม จำนวน 39,232,772 โดส (31.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 25,019,713 โดส (78.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 10,935,671 โดส (13.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9.241,562 โดส (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 4,941,562 โดส (39.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 455,355 โดส (62.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.61%
2. ยุโรป 11.37%
3. อเมริกาเหนือ 9.7%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.04%
5. แอฟริกา 2.74%
6. โอเชียเนีย 0.54%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,200.20ล้านโดส (78.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 870.57 ล้านโดส (31.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 390.11 ล้านโดส (60.9%)
4. บราซิล จำนวน 232.25 ล้านโดส (56.3%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 159.49 ล้านโดส (63.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (97.8% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (92.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. คิวบา (88.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
4. อุรุกวัย (88%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (86.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. กาตาร์ (84%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7.. ชิลี (82.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
8. อิสราเอล (82.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (78.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.