"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 12 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 61,033,251 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,539 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 426.75 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (102.8%)
➡️(12 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,539 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 402 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 187 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 426.75ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (79.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 159.76 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 12ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 61,033,251โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.73%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,539 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 12 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 61,033,251 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 35,462,170 โดส (53.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 23,796,497 โดส (36% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,774,584 โดส (2.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 12 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 61,033,251 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 805,146 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 730,263 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 17,663,254 โดส
- เข็มที่ 2 3,514,605 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,471,685 โดส
- เข็มที่ 2 15,738,545 โดส
- เข็มที่ 3 1,282,705 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,019,401 โดส
- เข็มที่ 2 4,004,234 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 1,307,830 โดส
- เข็มที่ 2 539,113โดส
- เข็มที่ 3 491,879 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.4% เข็มที่2 119.5% เข็มที่3 91%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 55.6% เข็มที่3 9.1%
- อสม เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 64.1% เข็มที่3 7.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 63% เข็มที่1 44.2% เข็มที่3 1.7%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 46.6% เข็มที่2 29.2% เข็มที่3 1.6%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.1% เข็มที่2 45% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.8% เข็มที่2 9.6% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 11.1% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 49.2% เข็มที่2 33% เข็มที่3 2.5%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. ภูเก็ต เข็มที่1 80.1% เข็มที่2 75.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.3% เข็มที่2 67.5%
2. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 43% เข็มที่2 34.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 54.4%
3. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 102.8% เข็มที่2 62.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.2% เข็มที่2 46.7%
4. กระบี่ เข็มที่1 41.9% เข็มที่2 31% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 52.5%
5. พังงา เข็มที่1 57.5% เข็มที่2 48.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 58.4%
6. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 49.3% เข็มที่2 37.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 54.8%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 54% เข็มที่2 39.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 54.7%
8. ชลบุรี เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 66.8%
9. ระนอง เข็มที่1 56.1% เข็มที่2 47.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.4% เข็มที่2 66%
10.สมุทรปราการ เข็มที่1 68.8% เข็มที่2 47.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60% เข็มที่2 44.2%
11. ระยอง เข็มที่1 51.7% เข็มที่2 34.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60% เข็มที่2 44.2%
12. ตราด เข็มที่1 45.6% เข็มที่2 31.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 58.8% เข็มที่2 52%
13. เชียงใหม่ เข็มที่1 45.3% เข็มที่2 31.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.3% เข็มที่2 49.4%
14. เลย เข็มที่1 37.3% เข็มที่2 23.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 53.1% เข็มที่2 37.8%
15. บุรีรัมย์ เข็มที่1 49.1% เข็มที่2 35.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 44.4%
16. หนองคาย เข็มที่1 38.8% เข็มที่2 26.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 55.5% เข็มที่2 37.6%
17. อุดรธานี เข็มที่1 38.1%เข็มที่2 22.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.8% เข็มที่2 47.7%
รวม เข็มที่1 70% เข็มที่2 46.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.3% เข็มที่2 49.3%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 426,757,420 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 159,768,474 โดส (36.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 61,033,251 โดส (53.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 54,279,564 โดส (39.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 50,066,590 โดส (24.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 45,835,200 (74.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 26,215,677 โดส (79.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 14,013,530 โดส (18.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,670,942 โดส (78.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,326,978 โดส (41.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 547,214 โดส (75.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.85%
2. ยุโรป 10.98%
3. อเมริกาเหนือ 9.56%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.15%
5. แอฟริกา 2.88%
6. โอเชียเนีย 0.58%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,221.56 ล้านโดส (79.3% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 958.81 ล้านโดส (35.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 401.82 ล้านโดส (62.7%)
4. บราซิล จำนวน 249.34 ล้านโดส (60.3%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 174.63 ล้านโดส (69.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (100.9%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (99.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (95.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (91%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (89.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (87.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (86.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (79.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.