"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 14 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 62,579,803 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,605 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 438.14 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (103.6%)
➡️(14 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,605 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 404 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 188 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 438.14 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.1% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 164.73 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 62,579,803 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.82%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,605 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 62,579,803 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 36,239,806 โดส (54.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 24,502,527 โดส (37% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,837,470 โดส (2.8% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 14 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 62,579,803 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 583,994 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 741,826 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 17,946,557 โดส
- เข็มที่ 2 3,516,215 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,498,115 โดส
- เข็มที่ 2 16,243,746 โดส
- เข็มที่ 3 1,344,846 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,114,277 โดส
- เข็มที่ 2 4,198,697 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 1,680,857 โดส
- เข็มที่ 2 543,869 โดส
- เข็มที่ 3 492,624 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 91.2%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 56.2% เข็มที่3 9.7%
- อสม เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 64.8% เข็มที่3 7.7%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 63.6% เข็มที่1 45.5% เข็มที่3 1.7%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 47.7% เข็มที่2 30.2% เข็มที่3 1.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 46.2% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.4% เข็มที่2 9.8% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 15.3% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 50.3% เข็มที่2 34% เข็มที่3 2.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 103.6% เข็มที่2 64.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.3% เข็มที่2 48.9%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 80.4% เข็มที่2 75.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.4% เข็มที่2 67.5%
3. ชลบุรี เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 51.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71% เข็มที่2 55.4%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 69.7% เข็มที่2 48.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.6% เข็มที่2 67.2%
5. พังงา เข็มที่1 58.1% เข็มที่2 49% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.7% เข็มที่2 58.7%
6. ระนอง เข็มที่1 56.6% เข็มที่2 47.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 67.2%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 54.8% เข็มที่2 40.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 51.1%
8. ระยอง เข็มที่1 52.7% เข็มที่2 36.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 45.7%
9. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 50.2% เข็มที่2 39.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 55.8%
10. บุรีรัมย์ เข็มที่1 49.8% เข็มที่2 35.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.9% เข็มที่2 45%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 47.5% เข็มที่2 32.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.2% เข็มที่2 50.4%
12. ตราด เข็มที่1 46.6% เข็มที่2 32.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59% เข็มที่2 52.3%
13. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 44% เข็มที่2 35.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 54.9%
16. กระบี่ เข็มที่1 43% เข็มที่2 31.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 52.7%
17. หนองคาย เข็มที่1 40.4% เข็มที่2 26.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 38.2%
18. อุดรธานี เข็มที่1 39.4%เข็มที่2 23.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.7% เข็มที่2 50%
19. เลย เข็มที่1 38.1% เข็มที่2 24.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 39.3%
รวม เข็มที่1 71% เข็มที่2 47.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 50.8%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 438,141,879 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 164,730,775 โดส (37.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 62,579,803 โดส (54.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 56,330,750 โดส (40.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 50,936,703 โดส (24.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 46,252,254 (75.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 26,825,547 โดส (80.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 14,793,239 โดส (19.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,706,124 โดส (78.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,434,419 โดส (42%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 552,265 โดส (76.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.75%
2. ยุโรป 10.89%
3. อเมริกาเหนือ 9.53%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.38%
5. แอฟริกา 2.86%
6. โอเชียเนีย 0.59%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,224.08 ล้านโดส (79.4% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 968.12 ล้านโดส (35.4%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 404.37 ล้านโดส (63.1%)
4. บราซิล จำนวน 268.06 ล้านโดส (64.8%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 176.88 ล้านโดส (70.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (101.4%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (99.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (95.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (91.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (90.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (87.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (86.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (79.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.