"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 15 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 63,614,352 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,624 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 443.54 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (104%)
➡️(15 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,624 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 26.5 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 405 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 188 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 443.54 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.2% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 166.86 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 63,614,352 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.68%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,624 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 63,614,352 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 36,721,779 โดส (55.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 25,012,380 โดส (37.8% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,880,193 โดส (2.8% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 15 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 63,614,352 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 1,034,549 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 759,379 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 18,160,325 โดส
- เข็มที่ 2 3,517,076 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,510,300 โดส
- เข็มที่ 2 16,634,076 โดส
- เข็มที่ 3 1,386,993 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,177,027 โดส
- เข็มที่ 2 4,315,078 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 1,874,127 โดส
- เข็มที่ 2 546,140 โดส
- เข็มที่ 3 493,200 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.4% เข็มที่2 119.7% เข็มที่3 91.3%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63% เข็มที่2 56.5% เข็มที่3 10.1%
- อสม เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 65.3% เข็มที่3 7.9%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 64% เข็มที่1 46.5% เข็มที่3 1.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 48.3% เข็มที่2 30.9% เข็มที่3 1.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.8% เข็มที่2 47.1% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.6% เข็มที่2 10% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 19.2% เข็มที่2 0.1% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 51% เข็มที่2 34.7% เข็มที่3 2.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 104% เข็มที่2 66.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.4% เข็มที่2 50.7%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 80.6% เข็มที่2 75.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.5% เข็มที่2 67.6%
3. ชลบุรี เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 52.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.3% เข็มที่2 55.7%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 70.2% เข็มที่2 49.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.7% เข็มที่2 68.1%
5. พังงา เข็มที่1 58.5% เข็มที่2 49.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 59.3%
6. ระนอง เข็มที่1 57% เข็มที่2 48.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.4% เข็มที่2 50.7%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 55.1% เข็มที่2 40.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.1% เข็มที่2 51.4%
8. ระยอง เข็มที่1 53.6% เข็มที่2 37% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.7% เข็มที่2 47%
9. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 50.7% เข็มที่2 39.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64% เข็มที่2 56.1%
10. บุรีรัมย์ เข็มที่1 50.3% เข็มที่2 36.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.5% เข็มที่2 45.4%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 48.3% เข็มที่2 33% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.6% เข็มที่2 51%
12. ตราด เข็มที่1 47.2% เข็มที่2 33.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59.3% เข็มที่2 53.1%
13. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 31.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 52.9%
16. กระบี่ เข็มที่1 44.4% เข็มที่2 35.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.6% เข็มที่2 56.1%
17. หนองคาย เข็มที่1 40.8% เข็มที่2 27% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 58.6% เข็มที่2 39.9%
18. อุดรธานี เข็มที่1 39.8%เข็มที่2 24.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69% เข็มที่2 51.8%
19. เลย เข็มที่1 38.4% เข็มที่2 25.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 54.6% เข็มที่2 40.5%
รวม เข็มที่1 71.6% เข็มที่2 48.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 52.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 443,546,396 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 166,861,741 โดส (38.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 63,614,352 โดส (55.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 57,457,092 โดส (41.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 51,482,063 โดส (24.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 46,458,672 (75.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 27,078,741 โดส (80.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 14,793,239 โดส (19.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,736,175 โดส (78.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,500,626 โดส (42.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 563,695 โดส (77%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.91%
2. ยุโรป 10.87%
3. อเมริกาเหนือ 9.54%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.38%
5. แอฟริกา 2.95%
6. โอเชียเนีย 0.60%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,228.31 ล้านโดส (79.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 971.37 ล้านโดส (35.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 405.44 ล้านโดส (63.3%)
4. บราซิล จำนวน 250.81 ล้านโดส (60.7%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 177.62 ล้านโดส (70.4%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (102.1%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (99.6% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (95.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (91.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (90.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (87.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (86.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.