"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 16 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 64,139,022 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,641 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 448.06 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (104.2%)
➡️(16 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,641 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 26.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 405 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 188 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 448.06 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.3% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 168.83 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 64,139,022 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.73%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,641 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 64,139,022 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 36,955,020 โดส (55.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 25,287,543 โดส (38.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,896,459 โดส (2.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 16 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 64,139,022 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 524,670 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 690,036 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 18,258,352 โดส
- เข็มที่ 2 3,517,643 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,523,996 โดส
- เข็มที่ 2 16,850,317 โดส
- เข็มที่ 3 1,403,074 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,204,437 โดส
- เข็มที่ 2 4,372,826 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 1,968,235 โดส
- เข็มที่ 2 546,757 โดส
- เข็มที่ 3 493,385 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.4% เข็มที่2 119.8% เข็มที่3 91.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 56.7% เข็มที่3 10.2%
- อสม เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 65.6% เข็มที่3 8.1%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 64.2% เข็มที่1 47% เข็มที่3 1.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 48.6% เข็มที่2 31.4% เข็มที่3 1.8%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 47.5% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.7% เข็มที่2 10.1% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 20.2% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 35.1% เข็มที่3 2.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 104.2% เข็มที่2 67.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 51.4%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 80.7% เข็มที่2 76% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.5% เข็มที่2 67.7%
3. ชลบุรี เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 53.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.4% เข็มที่2 55.9%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 49.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 90.8% เข็มที่2 68.4%
5. พังงา เข็มที่1 59% เข็มที่2 49.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.1% เข็มที่2 59.4%
6. ระนอง เข็มที่1 57.4% เข็มที่2 49.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 67.7%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 40.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 51.4%
8. ระยอง เข็มที่1 53.8% เข็มที่2 37.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.8% เข็มที่2 47.6%
9. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 51.1% เข็มที่2 40.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.1% เข็มที่2 56.5%
10. บุรีรัมย์ เข็มที่1 50.6% เข็มที่2 36.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่2 45.6%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 48.7% เข็มที่2 33.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.8% เข็มที่2 51.3%
12. ตราด เข็มที่1 47.5% เข็มที่2 33.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59.3% เข็มที่2 53.3%
13. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 46.5% เข็มที่2 31.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.3% เข็มที่2 53.2%
16. กระบี่ เข็มที่1 44.8% เข็มที่2 36.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 56.4%
17. หนองคาย เข็มที่1 41% เข็มที่2 27.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 58.8% เข็มที่2 40.3%
18. อุดรธานี เข็มที่1 40.2%เข็มที่2 24.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.3% เข็มที่2 52.6%
19. เลย เข็มที่1 38.8% เข็มที่2 25.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 54.9% เข็มที่2 41%
รวม เข็มที่1 71.9% เข็มที่2 49.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.1% เข็มที่2 52.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 448,066,489 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 168,836,886 โดส (38.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 64,139,022 โดส (55.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 59,003,239 โดส (42.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 51,482,063 โดส (24.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 46,633,404 (75.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 27,289,087 โดส (80.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 14,793,239 โดส (19.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,762,128 โดส (78.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,563,726 โดส (42.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 563,695 โดส (77%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.87%
2. ยุโรป 10.87%
3. อเมริกาเหนือ 9.52%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.18%
5. แอฟริกา 2.96%
6. โอเชียเนีย 0.60%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,228.31 ล้านโดส (79.6% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 972.36 ล้านโดส (35.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 405.44 ล้านโดส (63.3%)
4. บราซิล จำนวน 254.48 ล้านโดส (61.6%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 178.26 ล้านโดส (70.6%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (103.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (99.6% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (96%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (92%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (90.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (88.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (86.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (79.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (78.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.