"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 19 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 66,592,321 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,713 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 463.6 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (105.4%)
➡️(19 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,713 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 409 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 189 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 463.6 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 173.01 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 66,592,321 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.74%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,713 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 66,592,321 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 38,137,096 โดส (57.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 26,474,522 โดส (40% ของประชากร)
-เข็มสาม 1,980,703 โดส (3% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 19 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 66,592,321 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 914,527 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 794,153 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 18,747,124 โดส
- เข็มที่ 2 3,520,151 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,557,501 โดส
- เข็มที่ 2 17,705,332 โดส
- เข็มที่ 3 1,484,678 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,331,486 โดส
- เข็มที่ 2 4,700,210 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 2,500,985โดส
- เข็มที่ 2 548,829 โดส
- เข็มที่ 3 496,025 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 120% เข็มที่3 91.7%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.4% เข็มที่2 57.5% เข็มที่3 12%
- อสม เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 66.7% เข็มที่3 8.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 65.1% เข็มที่1 49.1% เข็มที่3 1.9%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 50.2% เข็มที่2 33.2% เข็มที่3 1.9%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 49.2% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 14.9% เข็มที่2 10.4% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 27.4% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 52.9% เข็มที่2 38.8% เข็มที่3 2.7%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 105.4% เข็มที่2 70.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.7% เข็มที่2 54.7%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 76.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 68.5%
3. ชลบุรี เข็มที่1 76.3% เข็มที่2 56.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72% เข็มที่2 57%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 71% เข็มที่2 51.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.1% เข็มที่2 70.5%
5. พังงา เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 60.8%
6. ระนอง เข็มที่1 59.4% เข็มที่2 49.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 68%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 56.9% เข็มที่2 42.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.7% เข็มที่2 52.7%
8. ระยอง เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 39.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 49.3%
9. บุรีรัมย์ เข็มที่1 52.2% เข็มที่2 37.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 46.6%
10. กระบี่ เข็มที่1 52.7% เข็มที่2 32.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.8% เข็มที่2 54.6%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 51.9% เข็มที่2 35.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 53.1%
12. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 51.8% เข็มที่2 42.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 58%
13. ตราด เข็มที่1 50.2% เข็มที่2 35.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 54.2%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 46.6% เข็มที่2 36.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 57.2%
15. หนองคาย เข็มที่1 42.1% เข็มที่2 29.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.2% เข็มที่2 45.1%
16. อุดรธานี เข็มที่1 41.5%เข็มที่2 26.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 55.5%
17. เลย เข็มที่1 41.4% เข็มที่2 27.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 56.6% เข็มที่2 42.6%
รวม เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 51.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 54.9%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 463,617,520 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 173,014,525 โดส (39.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 66,592,321 โดส (57.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 63,434,180 โดส (46.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 52,783,354 โดส (25.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 48,046,427 (77.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 27,804,943 โดส (80.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 15,797,703 โดส (20.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,852,025 โดส (78.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,712,779 โดส (42.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 569,263 โดส (78.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.89%
2. ยุโรป 10.79%
3. อเมริกาเหนือ 9.53%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.19%
5. แอฟริกา 2.99%
6. โอเชียเนีย 0.61%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,232.09 ล้านโดส (79.7% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 986.53 ล้านโดส (36.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 408.8 ล้านโดส (63.8%)
4. บราซิล จำนวน 257.93 ล้านโดส (62.4%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 180.22 ล้านโดส (71.4%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (106.6%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (96.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (92.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (91.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (89.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. จีน (80.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. สิงคโปร์ (79.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.