"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 21 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 68,503,058 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,756 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 474.79 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (106.4%)
➡️(21 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,756 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 26.5 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 410 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 190 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 474.79 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 175.5 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 68,503,058 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.86%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,756 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 68,503,058 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 39,039,849 โดส (59% ของประชากร)
-เข็มสอง 27,405,800 โดส (41.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,057,409 โดส (3.1% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 21 ต.ต. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 68,503,058 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 915,956 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 846,179 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 19,112,609 โดส
- เข็มที่ 2 3,521,863 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,587,227 โดส
- เข็มที่ 2 18,409,592 โดส
- เข็มที่ 3 1,556,233 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,418,527 โดส
- เข็มที่ 2 4,922,702 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 2,921,486 โดส
- เข็มที่ 2 551,643 โดส
- เข็มที่ 3 501,176 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 92%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 58% เข็มที่3 11.8%
- อสม เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 67.6% เข็มที่3 9%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 65.9% เข็มที่1 50.7% เข็มที่3 2%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 51.5% เข็มที่2 34.6% เข็มที่3 2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62% เข็มที่2 50.6% เข็มที่3 0.4%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.1% เข็มที่2 10.7% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 31.8% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 54.2% เข็มที่2 38% เข็มที่3 2.9%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 106.4% เข็มที่2 72.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.8% เข็มที่2 56.9%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 82.1% เข็มที่2 76.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.1% เข็มที่2 68.6%
3. ชลบุรี เข็มที่1 77.6% เข็มที่2 58.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 59.3%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 53.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.3% เข็มที่2 73.3%
5. พังงา เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 51.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.7% เข็มที่2 62.1%
6. ระนอง เข็มที่1 61.6% เข็มที่2 49.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 68.3%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 57.7% เข็มที่2 43.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.1% เข็มที่2 53.8%
8. ระยอง เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 40.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.7% เข็มที่2 50.9%
9. กระบี่ เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 33.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.9% เข็มที่2 55.2%
10. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 54.2% เข็มที่2 43.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 58.6%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 37% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.6% เข็มที่2 54.1%
12. บุรีรัมย์ เข็มที่1 53.4% เข็มที่2 38% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.7% เข็มที่2 47%
13. ตราด เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 36.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.6% เข็มที่2 54.9%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 48.2% เข็มที่2 37.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 57.6%
15. หนองคาย เข็มที่1 44.1% เข็มที่2 30.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.1% เข็มที่2 46.4%
16. เลย เข็มที่1 43.5% เข็มที่2 28.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 58.3% เข็มที่2 43.9%
17. อุดรธานี เข็มที่1 43.1%เข็มที่2 28.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.5% เข็มที่2 57.5%
รวม เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 53.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 56.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 474,797,186 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 175,579,925 โดส (40%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 68,503,058 โดส (59%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 67,083,557 โดส (49.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 53,838,248 โดส (26.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 48,437,608 (77.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,051,502 โดส (80.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 16,987,535 โดส (21.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,889,827 โดส (78.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,841,681 โดส (43%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 584,245 โดส (78.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.91%
2. ยุโรป 10.75%
3. อเมริกาเหนือ 9.53%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.21%
5. แอฟริกา 2.98%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,232.09 ล้านโดส (79.7% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 999.35 ล้านโดส (36.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 410.19 ล้านโดส (64%)
4. บราซิล จำนวน 259.94 ล้านโดส (62.9%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 182.08 ล้านโดส (72.1%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (108.7%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (96.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (92.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (91.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (89.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (80.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (79.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.