"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 22 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 69,217,162 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,795 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 480.4 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (106.6%)
➡️(22 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,795 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 411 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 190 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 480.4 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.7% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 177.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 69,217,162 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.92%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,795 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 68,503,058 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 39,039,849 โดส (59% ของประชากร)
-เข็มสอง 27,405,800 โดส (41.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,057,409 โดส (3.1% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 22 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 69,217,162 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 714,104 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 800,401 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 19,253,308 โดส
- เข็มที่ 2 3,522,352 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,600,418 โดส
- เข็มที่ 2 18,699,933 โดส
- เข็มที่ 3 1,581,378 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,447,102 โดส
- เข็มที่ 2 4,998,777 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,057,449 โดส
- เข็มที่ 2 553,118 โดส
- เข็มที่ 3 503,327 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.5% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 92.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 58.2% เข็มที่3 12.1%
- อสม เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 67.9% เข็มที่3 9.2%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 66.1% เข็มที่1 51.4% เข็มที่3 2%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 51.9% เข็มที่2 35.2% เข็มที่3 2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 51.1% เข็มที่3 0.5%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.2% เข็มที่2 10.8% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 33.3% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 54.6% เข็มที่2 38.6% เข็มที่3 2.9%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 106.6% เข็มที่2 72.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 57.6%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 82.4% เข็มที่2 76.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 68.7%
3. ชลบุรี เข็มที่1 78.4% เข็มที่2 60.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 61.8%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 71.9% เข็มที่2 54% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.4% เข็มที่2 74%
5. พังงา เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 52.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 64.5%
6. ระนอง เข็มที่1 61.8% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 68.9%
7. เพชรบุรี เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 43.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 54.1%
8. ระยอง เข็มที่1 56.7% เข็มที่2 41.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.9% เข็มที่2 51.3%
9. กระบี่ เข็มที่1 56.6% เข็มที่2 33.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 56%
10. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 54.7% เข็มที่2 43.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.4% เข็มที่2 58.8%
11. เชียงใหม่ เข็มที่1 54.7% เข็มที่2 37.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.1% เข็มที่2 54.5%
12. บุรีรัมย์ เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 38.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69% เข็มที่2 47.3%
13. ตราด เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 38.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.8% เข็มที่2 55.1%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 48.5% เข็มที่2 38.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.3% เข็มที่2 58.6%
15. หนองคาย เข็มที่1 44.7% เข็มที่2 30.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 46.9%
16. เลย เข็มที่1 44.2% เข็มที่2 29.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 59% เข็มที่2 44.9%
17. อุดรธานี เข็มที่1 43.6%เข็มที่2 29% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 58.3%
รวม เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 53.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 57.4%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 480,457,207 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 177,812,708 โดส (40.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 69,217,162 โดส (59.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. เวียดนาม จำนวน 68,809,880 โดส (50.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 54,444,161 โดส (26.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 48,673,215 (77.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,139,001 โดส (80.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 16,987,535 โดส (21.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,912,343 โดส (78.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,876,957 โดส (43.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 584,245 โดส (78.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.98%
2. ยุโรป 10.9%
3. อเมริกาเหนือ 9.62%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.20%
5. แอฟริกา 2.68%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,238.76 ล้านโดส (80% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1006.3 ล้านโดส (36.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 411.01 ล้านโดส (64.1%)
4. บราซิล จำนวน 261 ล้านโดส (63.1%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 182.72 ล้านโดส (72.4%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (109.6%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (96.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (92.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (92%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (89.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (85.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (80.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (80%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.