"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 23 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 69,923,540 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,825 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 485.4 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (106.9%)
➡️(23 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,825 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 28.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 412 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 190 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 485.4 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.7% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 179.4 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 23 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 69,923,540 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.98%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,825 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 69,923,540 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 39,708,520 โดส (60% ของประชากร)
-เข็มสอง 28,106,044 โดส (42.5% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,108,976 โดส (3.2% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 23 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 69,923,540 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 706,378 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 826,360 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 19,421,704 โดส
- เข็มที่ 2 3,522,914 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,610,292 โดส
- เข็มที่ 2 18,947,367 โดส
- เข็มที่ 3 1,603,220 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,476,321 โดส
- เข็มที่ 2 5,080,712 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,200,203 โดส
- เข็มที่ 2 555,051 โดส
- เข็มที่ 3 505,756 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.6% เข็มที่2 120.3% เข็มที่3 92.2%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 58.4% เข็มที่3 12.3%
- อสม เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 68.2% เข็มที่3 9.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 66.4% เข็มที่1 51.9% เข็มที่3 2.1%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 52.4% เข็มที่2 35.7% เข็มที่3 2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.4% เข็มที่2 51.6% เข็มที่3 0.5%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.2% เข็มที่2 10.9% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 34.8% เข็มที่2 0.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 55.1% เข็มที่2 39% เข็มที่3 2.9%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 106.9% เข็มที่2 73.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 58.5%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 77% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.3% เข็มที่2 68.8%
3. ชลบุรี เข็มที่1 78.8% เข็มที่2 60.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 62.2%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 54.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.5% เข็มที่2 74.7%
5. พังงา เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 52.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.9% เข็มที่2 64.9%
6. ระนอง เข็มที่1 62.1% เข็มที่2 50.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 69.1%
7. กระบี่ เข็มที่1 58% เข็มที่2 34.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.1% เข็มที่2 56.2%
8. เพชรบุรี เข็มที่1 57.8% เข็มที่2 44.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 54.4%
9. ระยอง เข็มที่1 56.9% เข็มที่2 41.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.9% เข็มที่2 51.6%
10. เชียงใหม่ เข็มที่1 55.9% เข็มที่2 38.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.7% เข็มที่2 54.9%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 55.3% เข็มที่2 43.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 58.8%
12. บุรีรัมย์ เข็มที่1 54.3% เข็มที่2 38.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.3% เข็มที่2 47.4%
13. ตราด เข็มที่1 52.2% เข็มที่2 37.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61% เข็มที่2 55.2%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 49% เข็มที่2 39% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.5% เข็มที่2 59.3%
15. เลย เข็มที่1 45.3% เข็มที่2 29.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 60.2% เข็มที่2 45.2%
16. หนองคาย เข็มที่1 45.2% เข็มที่2 30.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.4% เข็มที่2 47.1%
17. อุดรธานี เข็มที่1 44.2%เข็มที่2 29.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.3% เข็มที่2 58.9%
รวม เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 54.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 58%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 485,478,828 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 179,437,660 โดส (40.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 70,488,694 โดส (51.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 69,923,540 โดส (60%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 55,168,455 โดส (26.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 48,831,214 (77.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,217,141 โดส (80.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 16,987,535 โดส (21.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 9,931,980 โดส (78.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,904,403 โดส (43.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 588,206 โดส (78.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.01%
2. ยุโรป 10.87%
3. อเมริกาเหนือ 9.61%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.21%
5. แอฟริกา 2.68%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,240.55 ล้านโดส (80% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1013.41 ล้านโดส (37.1%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 411.96 ล้านโดส (64.3%)
4. บราซิล จำนวน 263.09 ล้านโดส (63.6%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 183.34 ล้านโดส (72.6%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (110.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (93%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (92.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (89.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (80.7%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (80%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.