"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 26 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 71,237,520 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,895 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 497.2 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (107.7%)
➡️(26 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,895 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.8 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 414 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 191 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 497.2 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 183.4 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 71,237,520 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.17%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,895 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 71,237,520 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 40,346,281 โดส (61% ของประชากร)
-เข็มสอง 28,713,904 โดส (43.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,177,335 โดส (3.3% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 26 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 71,237,520 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 731,718 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 663,600 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 19,722,907 โดส
- เข็มที่ 2 3,524,374 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,636,009 โดส
- เข็มที่ 2 19,372,791 โดส
- เข็มที่ 3 1,664,497 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,551,665 โดส
- เข็มที่ 2 5,243,971 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,435,700 โดส
- เข็มที่ 2 572,768 โดส
- เข็มที่ 3 512,838 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.6% เข็มที่2 120.4% เข็มที่3 92.4%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 58.7% เข็มที่3 12.8%
- อสม เข็มที่1 75% เข็มที่2 68.6% เข็มที่3 9.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 66.9% เข็มที่1 52.9% เข็มที่3 2.2%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 53.5% เข็มที่2 36.6% เข็มที่3 2.1%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 52.3% เข็มที่3 0.5%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.4% เข็มที่2 11% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 36.8% เข็มที่2 0.4% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 56% เข็มที่2 39.9% เข็มที่3 3%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 107.7% เข็มที่2 75.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 60%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 83% เข็มที่2 77% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 68.8%
3. ชลบุรี เข็มที่1 79.9% เข็มที่2 62% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 63.8%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 55.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.7% เข็มที่2 75.6%
5. พังงา เข็มที่1 64.1% เข็มที่2 53.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.2% เข็มที่2 66.1%
6. ระนอง เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 50.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 69.1%
7. กระบี่ เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 34.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.6% เข็มที่2 56.6%
8. เพชรบุรี เข็มที่1 58.3% เข็มที่2 39.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 55.8%
9. ระยอง เข็มที่1 58.1% เข็มที่2 42.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 52.2%
10. เชียงใหม่ เข็มที่1 58% เข็มที่2 44.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.4% เข็มที่2 54.7%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 55.9% เข็มที่2 43.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.9% เข็มที่2 58.9%
12. บุรีรัมย์ เข็มที่1 54.6% เข็มที่2 38.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 47.7%
13. ตราด เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 38.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62% เข็มที่2 55.7%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 50.5% เข็มที่2 39.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.1% เข็มที่2 59.5%
15. เลย เข็มที่1 46.3% เข็มที่2 30.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.1% เข็มที่2 46.2%
16. หนองคาย เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 30.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.3% เข็มที่2 59.7%
17. อุดรธานี เข็มที่1 45.6%เข็มที่2 31.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 47.7%
รวม เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 55.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.1% เข็มที่2 59.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 492,874,248 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 183,477,223 โดส (41.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 74,050,037 โดส (53.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 71,237,520 โดส (61%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 56,202,893 โดส (27.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 49,253,453 (77.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,409,973 โดส (80.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 18,089,109 โดส (22.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,012,470 โดส (78.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 5,953,418 โดส (43.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 592,613 โดส (79.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.99%
2. ยุโรป 10.79%
3. อเมริกาเหนือ 9.58%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.28%
5. แอฟริกา 2.74%
6. โอเชียเนีย 0.62%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,246.22 ล้านโดส (80.2% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,029.78 ล้านโดส (37.6%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 413.65 ล้านโดส (64.5%)
4. บราซิล จำนวน 269.15 ล้านโดส (65%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 185.08 ล้านโดส (73.3%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (111.5%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (93.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (92.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (92.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (80.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (80.2%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.