"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 27 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 72,049,529 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,915 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 503.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (107.9%)
➡️(27 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,915 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 27.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 415 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 191 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 503.1 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 185.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 72,049,529โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.72%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,915 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 72,049,529 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 40,717,544 โดส (61.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 29,115,651 โดส (44% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,216,334 โดส (3.3% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 27 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 72,049,529โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 812,009 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 637,490 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 19,912,086 โดส
- เข็มที่ 2 3,524,845 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,638,069 โดส
- เข็มที่ 2 19,658,205 โดส
- เข็มที่ 3 1,701,269 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,579,697 โดส
- เข็มที่ 2 5,327,332 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,587,692 โดส
- เข็มที่ 2 605,269 โดส
- เข็มที่ 3 515,065 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.7% เข็มที่2 120.6% เข็มที่3 92.5%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 58.9% เข็มที่3 13.3%
- อสม เข็มที่1 75.4% เข็มที่2 69% เข็มที่3 10.1%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 67.4% เข็มที่1 54% เข็มที่3 2.3%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 53.5% เข็มที่2 37.2% เข็มที่3 2.2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 52.9% เข็มที่3 0.5%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.2% เข็มที่2 11% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 42.8% เข็มที่2 0.9% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 56/5% เข็มที่2 40.4% เข็มที่3 3.1%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 107.9% เข็มที่2 75.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 60.4%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 83.3% เข็มที่2 77.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 68.8%
3. ชลบุรี เข็มที่1 80.5% เข็มที่2 62.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 64.2%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 73.2% เข็มที่2 56.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 91.8% เข็มที่2 76.7%
5. พังงา เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 54.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66.3%
6. ระนอง เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 50.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 69.4%
7. กระบี่ เข็มที่1 61.5% เข็มที่2 35.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.6% เข็มที่2 57%
8. เชียงใหม่ เข็มที่1 59% เข็มที่2 40.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 56.4%
9. ระยอง เข็มที่1 58.7% เข็มที่2 43.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.4% เข็มที่2 53%
10. เพชรบุรี เข็มที่1 58.3% เข็มที่2 45.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.5% เข็มที่2 55.3%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 56.5% เข็มที่2 44.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 59.1%
12. บุรีรัมย์ เข็มที่1 55.1% เข็มที่2 39.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 48.3%
13. ตราด เข็มที่1 54.8% เข็มที่2 38.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 60.2%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 39.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 60.2%
15. เลย เข็มที่1 47% เข็มที่2 30.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 61.7% เข็มที่2 46.4%
16. อุดรธานี เข็มที่1 46.4%เข็มที่2 30.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 60.1%
17. หนองคาย เข็มที่1 45.7% เข็มที่2 31.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 49.2%
รวม เข็มที่1 77.2% เข็มที่2 55.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.3% เข็มที่2 59.6%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 503,136,594 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 185,616,142 โดส (41.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 74,950,393 โดส (54.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 72,049,529 โดส (61.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 56,774,754 โดส (27.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 49,434,613 (77.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,443,951 โดส (80.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 19,227,381 โดส (23.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,012,470 โดส (78.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,028,604 โดส (44.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 598,758 โดส (79.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.99%
2. ยุโรป 10.78%
3. อเมริกาเหนือ 9.58%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.29%
5. แอฟริกา 2.73%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,246.22 ล้านโดส (80.2% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,035.72 ล้านโดส (37.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 415.01ล้านโดส (64.8%)
4. บราซิล จำนวน 270.11 ล้านโดส (65.3%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 185.98 ล้านโดส (73.7%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (111.8%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (93.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (92.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (92.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (80.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (80.2%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.