"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 28 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 72,812,483 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,946 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 503.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (108.4%)
(28 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,946 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 28.3 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 416 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 191 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 507.9 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (80.9% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 187.7 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 72,812,483โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.61%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,946 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 72,812,483 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 41,075,152 โดส (62.1% ของประชากร)
-เข็มสอง 29,469,487 โดส (44.5% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,267,844 โดส (3.4% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 28 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 72,812,483 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 726,954 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 615,632โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 20,079,691 โดส
- เข็มที่ 2 3,525,519 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,653,691 โดส
- เข็มที่ 2 19,888,683 โดส
- เข็มที่ 3 1,746,973 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,609,577 โดส
- เข็มที่ 2 5,395,080 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,732,604โดส
- เข็มที่ 2 660,205โดส
- เข็มที่ 3 520,871โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.7% เข็มที่2 120.6% เข็มที่3 92.6%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 59% เข็มที่3 13.6%
- อสม เข็มที่1 75.5% เข็มที่2 69.2% เข็มที่3 10.4%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 67.9% เข็มที่1 54.7% เข็มที่3 2.4%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 37.6% เข็มที่3 2.2%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 53.3% เข็มที่3 0.5%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.3% เข็มที่2 11.1% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 45.7% เข็มที่2 1.8% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 57% เข็มที่2 40.9% เข็มที่3 3.1%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 108.4% เข็มที่2 76.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.2% เข็มที่2 61%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 83.7% เข็มที่2 77.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.5% เข็มที่2 68.8%
3. ชลบุรี เข็มที่1 81.1% เข็มที่2 63.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 64.5%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 56.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่ 91.9% เข็มที่2 77.2%
5. พังงา เข็มที่1 65.3% เข็มที่2 54.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66.5%
6. ระนอง เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 51.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 69.5%
7. กระบี่ เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 35.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 57.1%
8. เชียงใหม่ เข็มที่1 59.9% เข็มที่2 40.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.3% เข็มที่2 56.7%
9. ระยอง เข็มที่1 59.3% เข็มที่2 43.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.6% เข็มที่2 53.5%
10. เพชรบุรี เข็มที่1 58.5% เข็มที่2 46.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 59.4%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 56.9% เข็มที่2 44.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 59.5%
12. ตราด เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 39.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.3 % เข็มที่2 46.6%
13. บุรีรัมย์ เข็มที่1 55.3% เข็มที่2 39.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 51.6%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 52.7% เข็มที่2 39.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 60.2%
15. เลย เข็มที่1 47.5% เข็มที่2 30.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.3% เข็มที่2 46.6%
16. อุดรธานี เข็มที่1 47%เข็มที่2 31.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 60.7%
17. หนองคาย เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 32.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 50%
รวม เข็มที่1 77.7% เข็มที่2 56.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 60.2%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 507,991,928 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 187,720,150 โดส (42.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 75,970870 โดส (55.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 72,812,483 โดส (62.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 57,494,154 โดส (28%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 49,581,855 (77.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,473,874 โดส (80.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 19,227,381 โดส (23.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,046,575โดส (80.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,063,542โดส (44.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และAstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 601,042 โดส (79.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.97%
2. ยุโรป 10.85%
3. อเมริกาเหนือ 9.59%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.28%
5. แอฟริกา 2.68%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,251.34 ล้านโดส (80.4% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,040.93 ล้านโดส (38.1 %)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 416.15 ล้านโดส (64.9%)
4. บราซิล จำนวน 271.5 ล้านโดส (65.6%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 186.74 ล้านโดส (74%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (111.9%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (93.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. บาห์เรน (92.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
6. ชิลี (92.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
7. อิสราเอล (87.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (80.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (80.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการและบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ศปก.อว.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.