"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 29 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 73,692,039 โดส และทั่วโลกแล้ว 6,946 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 511.9 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (108.7%)
(29 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 6,969 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 29.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 418 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 191 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 511.9 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (81% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 188.7 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 73,692,039 โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.57%
ในการฉีดวัคซีน จำนวน 6,969 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 73,692,039 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 41,495,703 โดส (62.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 29,881,984 โดส (45.1% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,314,352 โดส (3.5% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 29 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 73,692,039 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 879,556 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 639,268 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 20,292,647 โดส
- เข็มที่ 2 3,526,576 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,673,046 โดส
- เข็มที่ 2 20,141940 โดส
- เข็มที่ 3 1,789,891 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,642,232 โดส
- เข็มที่ 2 5,465,618 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 3,887,778 โดส
- เข็มที่ 2 747,850 โดส
- เข็มที่ 3 524,461 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.7% เข็มที่2 120.6% เข็มที่3 92.7%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 58.9% เข็มที่3 14.1%
- อสม เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 69.5% เข็มที่3 10.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 68.2% เข็มที่1 55.2% เข็มที่3 2.5%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 54.4% เข็มที่2 38.2% เข็มที่3 2.3%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 53.7% เข็มที่3 0.6%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 15.8% เข็มที่2 11.5% เข็มที่3 0.1%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 48.3% เข็มที่2 3.5% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 57.6% เข็มที่2 41.5% เข็มที่3 3.2%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 108.7% เข็มที่2 77.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.2% เข็มที่2 61.4%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 84.1% เข็มที่2 77.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.6% เข็มที่2 68.9%
3. ชลบุรี เข็มที่1 81.8% เข็มที่2 64.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74% เข็มที่2 65.1%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 57% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่ 92.1% เข็มที่2 77.6%
5. พังงา เข็มที่1 65.5% เข็มที่2 54.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.5% เข็มที่2 66.6%
6. ระนอง เข็มที่1 63% เข็มที่2 53% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.7% เข็มที่2 69.8%
7. กระบี่ เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 36.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 58.1%
8. เชียงใหม่ เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 41.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.8% เข็มที่2 57.1%
9. ระยอง เข็มที่1 60% เข็มที่2 44.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.8% เข็มที่2 53.9%
10. เพชรบุรี เข็มที่1 58.9% เข็มที่2 47% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 56.2%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 57.5% เข็มที่2 45.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 60.1%
12. ตราด เข็มที่1 56.3% เข็มที่2 39.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.7 % เข็มที่2 56.2%
13. บุรีรัมย์ เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 40.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.8% เข็มที่2 53.5%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 39.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.7% เข็มที่2 60.3%
15. เลย เข็มที่1 48.4% เข็มที่2 31.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.3% เข็มที่2 47.3%
16. อุดรธานี เข็มที่1 47.9%เข็มที่2 32.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 61.3%
17. หนองคาย เข็มที่1 46.2% เข็มที่2 33.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 51.8%
รวม เข็มที่1 78.2% เข็มที่2 57% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.1% เข็มที่2 60.7%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 511,930,564 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 188,781,947 โดส (42.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 77,145,612 โดส (55.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 73,692,039 โดส (62.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 58,212,187 โดส (28.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 49,581,855 (77.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,510,727 โดส (81%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 19,227,381 โดส (23.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,072,921 โดส (80.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,101,972 โดส (44.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และAstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 603,923โดส (79.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.99%
2. ยุโรป 10.83%
3. อเมริกาเหนือ 9.59%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.29%
5. แอฟริกา 2.67%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,254.25 ล้านโดส (80.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,048.35 ล้านโดส (38.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 417.8 ล้านโดส (65.2%)
4. บราซิล จำนวน 272.67 ล้านโดส (64.9%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 188.78 ล้านโดส (42.5%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (112.2%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (93.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. ชิลี (93.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
6. บาห์เรน (92.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (87.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (81%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. จีน (80.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการและบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ศปก.อว.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.