"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 31 ตุลาคม ฉีดวัคซีนแล้ว 75,389,558 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,000 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 522.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (109.2%)
➡️(31 ตุลาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,000 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 28.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 419 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 192 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 522.1 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (81.1% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 192.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 75,389,558 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.49%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,000 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 75,389,558 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 42,247,135 โดส (63.8% ของประชากร)
-เข็มสอง 30,743,399 โดส (46.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,399,024 โดส (3.6% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 31 ต.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 75,389,558 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 695,127 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 729,991 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 20,704,955 โดส
- เข็มที่ 2 3,528,954 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,706,223 โดส
- เข็มที่ 2 20,645,090 โดส
- เข็มที่ 3 1,866,943 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,699,641 โดส
- เข็มที่ 2 5,594,034 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,136,316 โดส
- เข็มที่ 2 975,321 โดส
- เข็มที่ 3 532,081 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.6% เข็มที่2 120.6% เข็มที่3 92.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 59.2% เข็มที่3 14.8%
- อสม เข็มที่1 76% เข็มที่2 70% เข็มที่3 11.7%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 68.8% เข็มที่1 56.2% เข็มที่3 2.6%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 39.3% เข็มที่3 2.4%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 54.5% เข็มที่3 0.6%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.1% เข็มที่2 11.8% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 53.2% เข็มที่2 7.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 58.6% เข็มที่2 42.7% เข็มที่3 3.3%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 109.2% เข็มที่2 78.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.3% เข็มที่2 62.5%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85% เข็มที่2 77.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 69.2%
3. ชลบุรี เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 66% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.2% เข็มที่2 65.7%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 57.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.3% เข็มที่2 78.6%
5. พังงา เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 55.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 67.1%
6. ระนอง เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 53.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 69.8%
7. กระบี่ เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 37.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 59.8%
8. เพชรบุรี เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 42.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 69.8% เข็มที่2 58%
9. ระยอง เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 45.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 54.4%
10. เชียงใหม่ เข็มที่1 59.5% เข็มที่2 48.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 56.9%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 58.6% เข็มที่2 46.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.9% เข็มที่2 60.6%
12. บุรีรัมย์ เข็มที่1 57.3% เข็มที่2 40.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63% เข็มที่2 56.8%
13. ตราด เข็มที่1 56.5% เข็มที่2 40.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.5% เข็มที่2 61.7%
14. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 56% เข็มที่2 41.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76% เข็มที่2 54.1%
15. เลย เข็มที่1 49.5% เข็มที่2 33.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 49%
16. หนองคาย เข็มที่1 49.2% เข็มที่2 34.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 62.6%
17. อุดรธานี เข็มที่1 46.8% เข็มที่2 35.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.4% เข็มที่2 54.6%
รวม เข็มที่1 79.1% เข็มที่2 58.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 61.8%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 522,106,468 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 192,635,297 โดส (43.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 80,528,570 โดส (58%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 75,389,558 โดส (63.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 58,879,887 โดส (28.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,012,681 (77.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,593,485 โดส (81.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 19,227,381 โดส (23.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,137,674 โดส (44.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 607,436 โดส (80%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.98%
2. ยุโรป 10.82%
3. อเมริกาเหนือ 9.58%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.27%
5. แอฟริกา 2.72%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,254.25 ล้านโดส (80.5% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,051.71 ล้านโดส (38.5%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 419.02 ล้านโดส (65.4%)
4. บราซิล จำนวน 272.67 ล้านโดส (64.9%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 192.64 ล้านโดส (43.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (112.8%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (100.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (97.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. อุรุกวัย (94%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. ชิลี (93.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
6. บาห์เรน (93.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (87.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (85%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (81.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการและบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ศปก.อว.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.