"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 1 พฤศจิกายนฉีดวัคซีนแล้ว 75,710,277 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,040 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 522.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (109.3%)
➡️(1 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,040 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 32.1 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 421 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 192 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 526.4 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (81.1% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 194.1 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 75,710,277 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.47%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,040 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 75,710,277 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 42,388,465 โดส (64% ของประชากร)
-เข็มสอง 30,911,219 โดส (46.7% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,410,594 โดส (3.6% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 1 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 75,710,277 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 320,719 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 743,496 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 20,773,404 โดส
- เข็มที่ 2 3,530,553 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,711,805 โดส
- เข็มที่ 2 20,717,201 โดส
- เข็มที่ 3 1,877,817 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,720,366 โดส
- เข็มที่ 2 5,631,468 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,182,890 โดส
- เข็มที่ 2 1,031,997 โดส
- เข็มที่ 3 532,776 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.4% เข็มที่2 120.5% เข็มที่3 92.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 59.2% เข็มที่3 14.8%
- อสม เข็มที่1 76.1% เข็มที่2 70.1% เข็มที่3 11.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 68.9% เข็มที่1 56.4% เข็มที่3 2.6%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 55.5% เข็มที่2 39.5% เข็มที่3 2.4%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.3% เข็มที่2 54.6% เข็มที่3 0.6%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.1% เข็มที่2 11.9% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 54% เข็มที่2 8.6% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 58.8% เข็มที่2 42.9% เข็มที่3 3.3%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 109.3% เข็มที่2 79.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.3% เข็มที่2 62.7%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85% เข็มที่2 77.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 69.2%
3. ชลบุรี เข็มที่1 82.7% เข็มที่2 66.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.2% เข็มที่2 65.8%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 58% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.3% เข็มที่2 78.7%
5. พังงา เข็มที่1 66.2% เข็มที่2 55.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.7% เข็มที่2 67.1%
6. ระนอง เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 53.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.8% เข็มที่2 69.8%
7. กระบี่ เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 37.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.4% เข็มที่2 60%
8. เชียงใหม่ เข็มที่1 63.2% เข็มที่2 43.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.1% เข็มที่2 58.2%
9. ระยอง เข็มที่1 61.6% เข็มที่2 46.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.2% เข็มที่2 54.6%
10. เพชรบุรี เข็มที่1 59.6% เข็มที่2 48.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 62.9% เข็มที่2 56.9%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 58.9% เข็มที่2 46.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67% เข็มที่2 60.7
12. ตราด เข็มที่1 58% เข็มที่2 41.6%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.2% เข็มที่2 57.2%
13. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 56.9% เข็มที่2 40.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.2% เข็มที่2 62.1%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 56.1% เข็มที่2 42%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.1% เข็มที่2 54.1%
15. เลย เข็มที่1 49.5% เข็มที่2 33.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.5% เข็มที่2 49.2%
16. อุดรธานี เข็มที่1 49.5% เข็มที่2 34.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.2% เข็มที่2 63%17. หนองคาย เข็มที่1 46.9% เข็มที่2 36.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 54.8%
รวม เข็มที่1 79.3% เข็มที่2 58.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.6% เข็มที่2 62%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 526,410,050 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 194,141,514 โดส (43.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 81,375,376 โดส (58.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 75,710,277 โดส (64%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 59,316,764 โดส (28.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,076,170 (77.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,636,046 โดส (81.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 20,299,011 โดส (24.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,155,731 โดส (45%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 604,662 โดส (79.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.97%
2. ยุโรป 10.76%
3. อเมริกาเหนือ 9.68%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.25%
5. แอฟริกา 2.71%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,268.36 ล้านโดส (81% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,058.49 ล้านโดส (38.7%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 420,66 ล้านโดส (65.6%)
4. บราซิล จำนวน 272.67 ล้านโดส (64.9%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 194.14 ล้านโดส (43.5%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (113.1%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (101% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (98%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (96.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (94%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (93.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (87.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (85%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (81.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการและบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ศปก.อว.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.