"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 77,014,092 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,123 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 535.2 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (109.8%)
➡️(3 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,123 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 424 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 193 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 535.2 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (81.6% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 197.8 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 77,014,092 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.57%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,123 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 77,014,092 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 42,548,483 โดส (64.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 31,244,587 โดส (47.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,433,046 โดส (3.7% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 3 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 77,014,092 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 787,976 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 709,223 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 21,005,626 โดส
- เข็มที่ 2 3,531,793 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,753,597 โดส
- เข็มที่ 2 21,163,316 โดส
- เข็มที่ 3 1,925,972 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,768,255 โดส
- เข็มที่ 2 5,732,944 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,288,122 โดส
- เข็มที่ 2 1,302,312 โดส
- เข็มที่ 3 542,155 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.4% เข็มที่2 120.5% เข็มที่3 92.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 59.4% เข็มที่3 15.02%
- อสม เข็มที่1 76.3% เข็มที่2 70.5% เข็มที่3 12.2%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 69.3% เข็มที่1 57.3% เข็มที่3 2.7%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 56.2% เข็มที่2 40.5% เข็มที่3 2.5%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.6% เข็มที่2 55.2% เข็มที่3 0.6%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.4% เข็มที่2 12.1% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 55.4% เข็มที่2 13.5% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 59.4% เข็มที่2 44% เข็มที่3 3.4%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 109.8% เข็มที่2 81.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 64.2%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.1% เข็มที่2 77.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.3%
3. ชลบุรี เข็มที่1 83.2% เข็มที่2 67.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 67.4%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 75.1% เข็มที่2 58.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.4% เข็มที่2 79.2%
5. พังงา เข็มที่1 66.7% เข็มที่2 57.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.8% เข็มที่2 67.7%
6. ระนอง เข็มที่1 65.2% เข็มที่2 53.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.9% เข็มที่2 69.9%
7. เชียงใหม่ เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 45.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 71.4% เข็มที่2 58.9%
8. กระบี่ เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 40.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 61.4%
9. ระยอง เข็มที่1 62.6% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 55.3%
10. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 60.1% เข็มที่2 47.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.5% เข็มที่2 60.9
11. เพชรบุรี เข็มที่1 60% เข็มที่2 49.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.1% เข็มที่2 57.6%
12. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 59.1% เข็มที่2 40.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 62.9%
13. ตราด เข็มที่1 58.4% เข็มที่2 43.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 57.6%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 56.4% เข็มที่2 42.7%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 55%
15. เลย เข็มที่1 50.7% เข็มที่2 34.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 49.8%
16. อุดรธานี เข็มที่1 50.2% เข็มที่2 35.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 63.9%
17. หนองคาย เข็มที่1 47.3% เข็มที่2 37.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.7% เข็มที่2 55.6%
รวม เข็มที่1 80% เข็มที่2 60.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77% เข็มที่2 63.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 535,269,509 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 197,804,943 โดส (44.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 83,131,464 โดส (59.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 77,014,092 โดส (64.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 60,406,424 โดส (29.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,306,343 (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,807,293 โดส (81.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 20,884,949 โดส (24.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,205,765 โดส (45.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 613,737 โดส (80.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.02%
2. ยุโรป 10.70%
3. อเมริกาเหนือ 9.62%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.26%
5. แอฟริกา 2.77%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,279.42 ล้านโดส (81.4% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 1,073.36 ล้านโดส (39.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 423,94 ล้านโดส (66.1%)
4. บราซิล จำนวน 276.10 ล้านโดส (65.7%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 197.80 ล้านโดส (44.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (113.7%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
2. มัลดีฟส์ (101.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (98.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (96.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (94.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (93.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (88.1%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (86.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (85%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (81.6%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการและบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ศปก.อว.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.