"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 78,656124 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,168 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 544.78 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (110.1%)
➡️(5 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,168 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 30.2 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 425 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 193 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 544.78 ล้านโดส โดยกัมพูชาฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (82.2% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 201.5 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 78,656,124 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.73%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,168 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 78,656,124 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 44,403,391 โดส (65.6% ของประชากร)
-เข็มสอง 32,726,021 โดส (49.4% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,526,712 โดส (3.8% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 5 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 78,656,124 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 824,650 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 709,155 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 21,303,305 โดส
- เข็มที่ 2 3,533,566 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,826,506 โดส
- เข็มที่ 2 21,685,026 โดส
- เข็มที่ 3 1,975,797 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,854,196 โดส
- เข็มที่ 2 5,878,659 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,419,384 โดส
- เข็มที่ 2 1,428,770 โดส
- เข็มที่ 3 550,915 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.0% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 92.8%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 59.5% เข็มที่3 15.7%
- อสม เข็มที่1 76.5% เข็มที่2 71% เข็มที่3 12.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 69.8% เข็มที่1 58.3% เข็มที่3 2.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 41.8% เข็มที่3 2.6%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.1% เข็มที่2 55.9% เข็มที่3 0.7%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.6% เข็มที่2 12.4% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 57.3% เข็มที่2 19.2% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 60.3% เข็มที่2 45.4% เข็มที่3 3.5%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 110.1% เข็มที่2 84.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 65.3%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.1% เข็มที่2 78.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.3%
3. ชลบุรี เข็มที่1 83.8% เข็มที่2 69.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 68.6%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 75.7% เข็มที่2 60% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.5% เข็มที่2 79.8%
5. พังงา เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 58% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 68%
6. เชียงใหม่ เข็มที่1 67.3% เข็มที่2 46.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 59.8%
7. ระนอง เข็มที่1 67.2% เข็มที่2 54.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.3% เข็มที่2 70.1%
8. กระบี่ เข็มที่1 64.8% เข็มที่2 43.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 62.8%
9. ระยอง เข็มที่1 63.8% เข็มที่2 49% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64% เข็มที่2 56.4%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 62% เข็มที่2 41.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 63.4%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 61.4% เข็มที่2 48.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68% เข็มที่2 61.2%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 50.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.5% เข็มที่2 58.3%
13. ตราด เข็มที่1 59.4% เข็มที่2 45.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64% เข็มที่2 58.1%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 56.9% เข็มที่2 43.4%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.2% เข็มที่2 55.6%
15. เลย เข็มที่1 51.2% เข็มที่2 35.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.9% เข็มที่2 51.4%
16. อุดรธานี เข็มที่1 51% เข็มที่2 37.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.1% เข็มที่2 64.6%
17. หนองคาย เข็มที่1 48% เข็มที่2 38.2% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66% เข็มที่2 56.7%
รวม เข็มที่1 80.9% เข็มที่2 62% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.4% เข็มที่2 64%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 544,780,837 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 201,512,037 โดส (44.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 84,884,074 โดส (60.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 78,656,124 โดส (65.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 62,474,334 โดส (30.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,462,307 (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 28,964,074 โดส (82.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 20,884,949 โดส (24.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,222,160 โดส (45.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 626,279 โดส (80.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.06%
2. ยุโรป 10.68%
3. อเมริกาเหนือ 9.59%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.24%
5. แอฟริกา 2.80%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,285.95 ล้านโดส (163.3% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,077.42 ล้านโดส (78.8%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 425.27 ล้านโดส (128.1%)
4. บราซิล จำนวน 276.24 ล้านโดส (131.5%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 201.51 ล้านโดส (73%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (228.3%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (202.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (197.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (194.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (188.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (188%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (173.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (171.3%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.