"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 79,517,972 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,206 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 547.9 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (110.3%)
➡️(6 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,206 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 428 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 193 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 547.9 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (85% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 202.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 79,517,972 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.75%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,206 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 79,517,972 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 43,694,335 โดส (66% ของประชากร)
-เข็มสอง 33,263,737 โดส (50.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,559,899 โดส (3.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 6 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 79,517,972 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 861,848 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 689,077 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 21,448,325 โดส
- เข็มที่ 2 3,534,103 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,869,577 โดส
- เข็มที่ 2 21,962,796 โดส
- เข็มที่ 3 2,004,808 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,881,793 โดส
- เข็มที่ 2 5,931,785 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,494,641 โดส
- เข็มที่ 2 1,835,053 โดส
- เข็มที่ 3 555,091 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.0% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 92.9%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 59.6% เข็มที่3 16%
- อสม เข็มที่1 76.6% เข็มที่2 71.2% เข็มที่3 13.1%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 70% เข็มที่1 58.8% เข็มที่3 2.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 57.5% เข็มที่2 42.5% เข็มที่3 2.6%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.4% เข็มที่2 56.2% เข็มที่3 0.7%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.8% เข็มที่2 12.6% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 58.6% เข็มที่2 22.8% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 60.7% เข็มที่2 46.2% เข็มที่3 3.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 110.3% เข็มที่2 85.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 65.9%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.1% เข็มที่2 78.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.6%
3. ชลบุรี เข็มที่1 84.1% เข็มที่2 70.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.6% เข็มที่2 69.1%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 76.1% เข็มที่2 60.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.6% เข็มที่2 80.2%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 47.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 68.8%
6. ระนอง เข็มที่1 68.3% เข็มที่2 54.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 60.2%
7. พังงา เข็มที่1 67.9% เข็มที่2 59.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.4% เข็มที่2 70.2%
8. กระบี่ เข็มที่1 65.6% เข็มที่2 44.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 63.4%
9. ระยอง เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 49.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 57%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 62.8% เข็มที่2 41.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 63.6%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 61.9% เข็มที่2 49% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.1% เข็มที่2 61.4%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 61.2% เข็มที่2 51.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.6% เข็มที่2 58.3%
13. ตราด เข็มที่1 60.2% เข็มที่2 45.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.5% เข็มที่2 58.2%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 57.1% เข็มที่2 43.9%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.3% เข็มที่2 56%
15. เลย เข็มที่1 51.5% เข็มที่2 36.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.2% เข็มที่2 52.1%
16. อุดรธานี เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 37.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.3% เข็มที่2 65.2%
17. หนองคาย เข็มที่1 48.3% เข็มที่2 38.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.1% เข็มที่2 57.1%
รวม เข็มที่1 81.2% เข็มที่2 62.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.6% เข็มที่2 64.5%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 547,947,929 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 202,270,239 โดส (45%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 86,319,808 โดส (60.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 79,517,972 โดส (66%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 62,474,334 โดส (30.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,462,307 (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,020,304 โดส (82.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 20,884,949 โดส (24.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (85%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,270,053 โดส (46%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 633,464 โดส (80.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.07%
2. ยุโรป 10.66%
3. อเมริกาเหนือ 9.59%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.24%
5. แอฟริกา 2.81%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,302.68 ล้านโดส (164.5% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,079.6 ล้านโดส (78.9%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 428.01 ล้านโดส (128.9%)
4. บราซิล จำนวน 277.9 ล้านโดส (132.2%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 202.27 ล้านโดส (73.3%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (228.9%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (202.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (198.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (195.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (189.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (188.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.3%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (173.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. สิงคโปร์ (171.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
10. กัมพูชา (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.