"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 80,499,612 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,264 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 557.59 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (110.5%)
➡️(8 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,264 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 31.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 431 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 194 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 557.59 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 204.6 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 80,499,612 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.8%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,264 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 80,499,612 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 43,990,610 โดส (66.5% ของประชากร)
-เข็มสอง 33,912,537 โดส (51.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,596,465 โดส (3.9% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 8 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 80,499,612 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 278,059 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 684,191 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 21,577,043 โดส
- เข็มที่ 2 3,534,603 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,928,787 โดส
- เข็มที่ 2 22,286,794 โดส
- เข็มที่ 3 2,034,630 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,923,299 โดส
- เข็มที่ 2 6,017,682 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,561,481 โดส
- เข็มที่ 2 2,073,458 โดส
- เข็มที่ 3 559,835 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.9% เข็มที่2 120.2% เข็มที่3 93%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 59.8% เข็มที่3 16.3%
- อสม เข็มที่1 76.7% เข็มที่2 71.3% เข็มที่3 13.5%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 70.2% เข็มที่1 59.4% เข็มที่3 2.9%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 57.9% เข็มที่2 43.3% เข็มที่3 2.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.7% เข็มที่2 56.6% เข็มที่3 0.7%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 16.9% เข็มที่2 12.7% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 59.7% เข็มที่2 26.8% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 61.1% เข็มที่2 47.1% เข็มที่3 3.6%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 110.5% เข็มที่2 87.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.4% เข็มที่2 66.7%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.2% เข็มที่2 79.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 69.7%
3. ชลบุรี เข็มที่1 84.4% เข็มที่2 71.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.7% เข็มที่2 69.5%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 60.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.7% เข็มที่2 80.7%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 70.4% เข็มที่2 48.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.1%
6. ระนอง เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 54.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 60.7%
7. พังงา เข็มที่1 68.1% เข็มที่2 59.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 70.2%
8. กระบี่ เข็มที่1 66.3% เข็มที่2 47% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.9% เข็มที่2 64.7%
9. ระยอง เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 50.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 57.4%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 63.3% เข็มที่2 41.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.1% เข็มที่2 63.6%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 62.2% เข็มที่2 49.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 61.6%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 61.6% เข็มที่2 52% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 58.7%
13. ตราด เข็มที่1 60.9% เข็มที่2 46.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 58.4%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 57.4% เข็มที่2 44.6%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.6% เข็มที่2 56.6%
15. เลย เข็มที่1 51.7% เข็มที่2 37.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.4% เข็มที่2 52.5%
16. อุดรธานี เข็มที่1 51.6% เข็มที่2 38.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.7% เข็มที่2 65.7%
17. หนองคาย เข็มที่1 48.7% เข็มที่2 39.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.4% เข็มที่2 57.5%
รวม เข็มที่1 81.7% เข็มที่2 64.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.8% เข็มที่2 65.1%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 557,593,943 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 204,606,962 โดส (45.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 89,620,701 โดส (62.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 80,499,612 โดส (66.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 64,195,936 โดส (31.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,402,399 (78%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,094,703 โดส (82.6%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 22,152,983 โดส (25.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,282,917 โดส (46.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 643,231 โดส (80.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.03%
2. ยุโรป 10.61%
3. อเมริกาเหนือ 9.58%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.36%
5. แอฟริกา 2.79%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,322.10 ล้านโดส (165.9% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,085.11 ล้านโดส (79.3%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 430.93 ล้านโดส (129.8%)
4. บราซิล จำนวน 281.48 ล้านโดส (133.9%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 204.61 ล้านโดส (74.2%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (230%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (202.5% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (198.6%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (197.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (189.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (188.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (173.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (172.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.