"อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 81,761,062 โดส และทั่วโลกแล้ว 7,327 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 567.1 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (111%)
➡️(10 พฤศจิกายน2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 7,327 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 34 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 433 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 194 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 567.1 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (86% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 208.2 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 81,761,062 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 60.81%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 7,327 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 81,761,062 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 44,355,673 โดส (67% ของประชากร)
-เข็มสอง 34,760,830 โดส (52.5% ของประชากร)
-เข็มสาม 2,644,559 โดส (4% ของประชากร)
2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 10 พ.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 81,761,062 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 792,255 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 678,139 โดส/วัน
3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 21,738,299 โดส
- เข็มที่ 2 3,535,694 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 11,014,867 โดส
- เข็มที่ 2 22,734,923 โดส
- เข็มที่ 3 2,070,470 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 6,981,149 โดส
- เข็มที่ 2 6,111,167โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 4,641,358 โดส
- เข็มที่ 2 2,379,046 โดส
- เข็มที่ 3 574,089 โดส
4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 123.9% เข็มที่2 120.3% เข็มที่3 93.1%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 63.7% เข็มที่2 59.9% เข็มที่3 16.6%
- อสม เข็มที่1 76.8% เข็มที่2 71.6% เข็มที่3 13.8%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 70.6% เข็มที่1 60.3% เข็มที่3 2.9%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 58.4% เข็มที่2 44.4% เข็มที่3 2.7%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66% เข็มที่2 57.1% เข็มที่3 0.8%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 17.1% เข็มที่2 13% เข็มที่3 0.2%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 31.8% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 61.6% เข็มที่2 48.3% เข็มที่3 3.7%
5. %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
1. กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 111% เข็มที่2 90% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.5% เข็มที่2 68%
2. ภูเก็ต เข็มที่1 85.3% เข็มที่2 79.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73% เข็มที่2 69.8%
3. ชลบุรี เข็มที่1 84.8% เข็มที่2 72.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.8% เข็มที่2 69.9%
4. สมุทรปราการ เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 61.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.9% เข็มที่2 81.3%
5. เชียงใหม่ เข็มที่1 71.8% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.7% เข็มที่2 61.8%
6. พังงา เข็มที่1 69.5% เข็มที่2 61.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 73.5% เข็มที่2 69.7%
7. ระนอง เข็มที่1 69.1% เข็มที่2 56.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.5% เข็มที่2 70.5%
8. กระบี่ เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 47% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.1% เข็มที่2 66.5%
9. ระยอง เข็มที่1 64.9% เข็มที่2 50.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 64.7% เข็มที่2 58%
10. สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 1 65.7% เข็มที่2 51.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 63.7%
11. ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 64.2% เข็มที่2 41.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.4% เข็มที่2 61.9%
12. เพชรบุรี เข็มที่1 62.7% เข็มที่2 50.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 63.9% เข็มที่2 59.2%
13. ตราด เข็มที่1 62% เข็มที่2 52.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 65.1% เข็มที่2 58.8%
14. บุรีรัมย์ เข็มที่1 61.3% เข็มที่2 47.1%และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 77.7% เข็มที่2 57.6%
15. เลย เข็มที่1 57.7% เข็มที่2 45.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 53.4%
16. อุดรธานี เข็มที่1 52.1% เข็มที่2 38.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78% เข็มที่2 66.5%
17. หนองคาย เข็มที่1 52% เข็มที่2 39.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 66.6% เข็มที่2 58.4%
รวม เข็มที่1 82.2% เข็มที่2 65.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78% เข็มที่2 66%
6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 567,108,327 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 208,289,405 โดส (46.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. เวียดนาม จำนวน 92,211,330 โดส (63.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
3. ไทย จำนวน 81,761,062 โดส (67.0%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 65,764,376 โดส (32.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. มาเลเซีย จำนวน 50,656,181 (78.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
6. กัมพูชา จำนวน 29,167,283 โดส (82.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. พม่า จำนวน 22,152,983 โดส (25.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
8. สิงคโปร์ จำนวน 10,094,499 โดส (86%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
9. ลาว จำนวน 6,356,721 โดส (46.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 654,487 โดส (83%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 69.16%
2. ยุโรป 10.57%
3. อเมริกาเหนือ 9.53%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.29%
5. แอฟริกา 2.82%
6. โอเชียเนีย 0.63%
8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,338.49 ล้านโดส (167% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
2. อินเดีย จำนวน 1,08096.74ล้านโดส (80.2%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 433.16 ล้านโดส (130.5%)
4. บราซิล จำนวน 279.79 ล้านโดส (133.1%)
5. อินโดนีเซีย จำนวน 208.29 ล้านโดส (75.5%)
9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. คิวบา (232.9%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
2. มัลดีฟส์ (202.7% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (199.1%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. ชิลี (197.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
5. อุรุกวัย (189.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. บาห์เรน (189.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
7. อิสราเอล (176.8%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
8. กาตาร์ (174%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
9. กัมพูชา (172.5%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
10. สิงคโปร์ (171.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech, Moderna และ Sinovac)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ที่มา : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.