วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ในการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 24 ของสภาความร่วมมือทางด้านนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชีย Forum for Nuclear Cooperation in Asia หรือ FNCA
โดยมีผู้แทนรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกจำนวน 12 ประเทศ เข้าร่วมประชุมหารือ รายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการแต่ละประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้และเทคนนิคการใช้ประโยชน์และการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ การประชุมจัดขึ้นที่ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์กรุงเทพฯ โดยมีนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตรวิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการประชุม
นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า การประชุมสภาความร่วมมือทางด้านนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียหรือ FNCA ( Forum for Nuclear Cooperation in Asia) ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 24 ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพโดยเลือกสถานที่จัดประชุมที่ประเทศไทย ประเทศไทยจึงอยู่ในฐานะเจ้าภาพร่วม มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมประชุม 12 ประเทศ นอกจากนี้ยังมีประเทศสิงคโปร์ที่มาร่วมประชุมในฐานะแขกรับเชิญด้วย FNCA เป็นเวทีของนักวิชาการ นักวิจัย ที่ทำในเรื่องของการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ มาร่วมประชุม แลกเปลี่ยนความรู้ทั้งในเชิงวิชาการ ความก้าวหน้าการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ตอลดจนเทคนิคต่างๆ ในการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ ทั้งในเรื่องของอุตสาหกรรม เรื่องของการเกษตร คือการปรับปรุงพันธุ์พืชที่ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เรื่องของสิ่งแวดล้อม การนำไปตรวจอายุของโบราณสถาน โดยเฉพาะเรื่องทางการแพทย์ เช่น การผลิตสารเภสัชรังสีเพื่อนำไปใช้ในการรักษามะเร็ง การรักษามะเร็งด้วยอนุภาคโปรตรอนพลังงานสูง (Proton Beam Therapy) ซึ่งเป็นการใชลำอนุภาคโปรตรอนส่งไปยังก้อนเนื้อร้ายและปล่อยพลังงานไปที่ก้อนเนื้อนั้น เซลล์ที่แข็งแรงที่อยู่ด้านหน้าของก้อนเนื้อร้ายจะได้รับรังสีในปริมาณที่ต่ำและเซลล์ที่อยู่ด้านหลังจะไม่ได้รับรังสีเลย ซึ่งเรื่องทางการแพทย์นี้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency) หรือ IAEA ถือว่าเป็นวิสัยทัศน์ที่สำคัญ เป็นแสงแห่งความหวัง (Ray of Hope) ในการรักษาโรคมะเร็งและเนื้องอกต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้รักษา ประโยชน์ประเทศไทยจะได้จากการประชุมครั้งนี้ นอกจากเรื่องของความก้าวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ทั้งในเชิงวิชาการ การพัฒนานวัตกรรม การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ยังรวมไปถึงเรื่องการกำกับดูแลและความปลอดภัยต่างๆ และได้เครือข่ายความร่วมทั้งในเรื่องของวิชาการ ทั้งในเรื่องของการใช้ห้องปฏิบัติการ และงานวิจัยต่างๆ การประชุมครั้งนี้ ถือว่าเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีที่ประเทศสมาชิกสามารถพูดคุยเรื่องนโยบายการวิจัยในอนาคตที่จะทำร่วมกัน ในอดีตประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแล้วในปี 2543 การมาในรอบนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่สามารถบอกได้ว่าประเทศไทยมีความเข้มแข็งพอที่จะรองรับนักวิชาการทางด้านนิวเคลียร์เหล่านี้ได้
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เน้นในเรื่องการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ ในฐานะเป็นเจ้าภาพร่วม นักวิจัยของ สทน. ได้นำเสนอความก้าวหน้าของการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในประเทศไทยไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้สนับสนุนงานด้านการแพทย์ เช่น การใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยผลิตสารเภสัชรังสีให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็ง การใช้เครื่องไซโคลตรอนซึ่งมีอยู่ที่ สทน. และโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศเพื่อผลิตยา นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยใหม่ๆ เช่น การนำนานาโนเจลมาใช้ร่วมกับสารเภสัชรังสีทำให้การรักษาผู้ป่วยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากที่ประชุมพอสมควร โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ปัจจุบันการนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์ของประเทศไทยถือว่าอยู่ในระดับแถวหน้า เพราะเรามีเครื่องมือต่างๆ มีความรู้ และมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ที่พร้อมให้บริการแก่ประชาชน สำหรับการประชุม FNCA เป็นเครือข่ายความรู้ที่สำคัญมากในการดึงประเทศต่างๆ ในเอเชียด้วยกันมาทำงานร่วมกัน ประเทศไทยได้รับความรู้ การแนะนำด้านต่างๆ มากมาย ทั้งในเรื่องของการแพทย์ การเกษตร การปรับปรุงพันธุ์พืช ซึ่งเป็นการยกระดับเกษตรกรรมในประเทศไทยในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย ก็ให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยเหลือประเทศสมาชิกและประเทศไทยก็ได้รับประโยชน์จากกิจกรรมเหล่านั้นด้วย
เผยแพร่โดย : นายปวีณ ควรแย้ม
ข่าวโดย : สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3972 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail :
pr@mhesi.go.thFacebook : @MHESIThailand
Twiiter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313