วันที่ 15 ธันวาคม 2563 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดเวทีประชุมระดมสมอง “แผนงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สำหรับงานทางด้านสุขภาพและการแพทย์” ของประเทศไทย ณ โรงแรมเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ
รองศาสตราจารย์ ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวว่า เมื่อทั้งโลกต้องรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ทำให้ เอไอมีความต้องการในการใช้งาน โดยเฉพาะในกลุ่มงานทางด้านสุขภาพการแพทย์ รวมถึงการที่ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้ประเทศจะต้องมีระบบสุขภาพและการรักษาทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ เอไอจึงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในมิติของความรวดเร็ว ลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล การประชุมในวันนี้จัดขึ้นเพื่อให้นักวิจัย ภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เข้าร่วมให้ข้อมูลและความเห็นต่อ (ร่าง) แผนงานวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ สำหรับงานทางด้านสุขภาพและการแพทย์ของประเทศไทยที่ สกสว. จัดทำขึ้น ทั้งในมิติการผลิตองค์ความรู้และการต่อยอดเชิงพานิชย์ เพื่อให้การสนับสนุนงบประมาณการวิจัยและนวัตกรรมด้านนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนงานวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ในแผนแม่บทแห่งชาติ
ต่อมาภายในงานมีการเสวนาเรื่อง “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้านสุขภาพการแพทย์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของไทย” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมเห็นภาพรวมของแผนแม่บทด้านเอไอของชาติ ตลอดจนนำเสนอภาพความจำเป็นเร่งด่วนในการนำเอไอเฉพาะทางด้านการช่วยวินิจฉัยโรค ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่เชิงการแข่งขันของประเทศ โดย ดร.กาญจนา วานิชกร รองผู้อำนวยการ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวอช.) เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันยังคงมีช่องว่างระหว่างอุปสงค์ของผู้บริโภค (Demand) และอุปทานของผู้ผลิต (Supply) ที่จำเป็นต้องทำการศึกษาวิเคราะห์เพื่อการใส่ทรัพยากรลงไปอย่างเหมาะสม
ในส่วนของ (ร่าง) แผนแม่บทปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทย เกิดจากความร่วมมือกันออกแบบของทุกภาคส่วน โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นเจ้าภาพหลัก ในร่างแผนแม่บทฉบับนี้ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2564 – 2565) จะมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและประยุกต์ใช้เอไอ นำร่องใน 4 เรื่องสำคัญ คือ การแพทย์ การเกษตร อาหาร และบริการภาครัฐการสร้างแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมาภิบาลข้อมูลเพื่อการประยุกต์ใช้ด้านเอไอเตรียมพร้อมกำลังคนด้านเอไอ และส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ และการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและการคำนวณสำหรับเอไอ สำหรับในระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ (ววน.) มีหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) รับหน้าที่หลักในการสนับสนุนทุนวิจัยด้านเอไอ ภายใต้แผนวิจัย “AI for all” เช่น โครงการพัฒนานักวิจัย วิศวกร ด้านเอไอ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาและเพิ่มกำลังคนด้านนี้ เป็นต้น
ด้าน ดร.นเรศ ดำรงชัย ผู้ช่วยเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ด้านวิจัยและนวัตกรรม กล่าวเสริมว่า วงการแพทย์ทั้งไทยและโลกล้วนตื่นตัวเรื่องการใช้เทคโนโลยีมาช่วยอยู่แล้ว โจทย์วิจัยเอไอ ทางการแพทย์ปัจจุบันมีความหลากหลายมาก เช่น Virtual Assistant หมอต้องการผู้ช่วยในการแปลผลเพื่อสร้างความรวดเร็วและแม่นยำในการทำงาน การใช้เอไอมาช่วยในระบบคัดกรองผู้ป่วย ซึ่งในประเทศไทยเริ่มมีการใช้งานไปบ้างแล้ว เพราะเรามีเครื่องมืออย่างสมาร์ทโฟนและเครือข่าย แต่บางโจทย์วิจัยต้องค่อยๆคลี่ข้อมูลมากางดูว่าควรออกแบบอย่างไร การใช้ประโยชน์จากเอไอทางการแพทย์ในต่างประเทศที่สำเร็จก็เช่น บิล เกตต์ เจ้าของบริษัทไอทีชั้นนำอย่างไมโครซอฟท์ ใช้เทคโนโลยีเอไอมาสนับสนุนข้อมูลด้านการแพทย์รักษาโรคอัลไซเมอร์เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่รวดเร็ว แม่นยำ และราคาถูก โดยลงทุนไปกว่า 30 ล้านเหรียญ เป็นต้น สำหรับประเทศไทย ถือเป็นการเริ่มต้นที่ปัจจุบันเราได้มีการออกแบบแผนวิจัย แผนแม่บทชาติ และมีงานวิจัยที่รุดหน้าทางด้านนี้ไปแล้ว ข้อเสนอแนะที่มีต่อ สกสว. คือ
ควรจัดให้มีกระบวนการมองอนาคต (foresight) เพื่อกำหนดนโยบายวิจัยในการพัฒนาชุดข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ของไทยควรศึกษาเปรียบเทียบและติดตามการพัฒนาของประเทศในเรื่อง “ระบบดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล” (Personalized health system) ที่ครอบคลุมประชาชนของประเทศและ ไม่สร้างความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์และสุขภาพ โดยจะต้องนำเสนอต่อผู้กำหนดนโยบายเป็น “Personalized health in all policies” ต่อมาในการประชุมมีการนำเสนอแผนงานเอไอ “RDI for health and medicine” แผนงานวิจัยและสร้างนวัตกรรมทางด้านปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมสุขภาพ การแพทย์ ตลอดจนแผนงานวิจัยและนวัตกรรม “AI for health and medicine” ของกลุ่มเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หรือ บพข. และทีมวิจัย ตลอดจนการจัดเวิร์กชอป เพื่อจัดลำดับความสำคัญ (Prioritized) ของการจัดสรรงบประมาณวิจัยและนวัตกรรมด้านนี้ต่อ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.