วันที่ 2 กันยายน 2565 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และภาคีเครือข่าย ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และสำนักปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงานสัมมนา “การประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและความเสียหายของพืชเกษตรรายแปลง ด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ” เพื่อนำเสนอแพลตฟอร์มเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง อีกทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะระหว่างหน่วยงานทั้งในระดับภูมิภาคและส่วนกลาง โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และ ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA เป็นประธาน ณ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ในฐานะหน่วยงานบริการจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมแก่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการศึกษาวิจัยในการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศมาใช้กับการบริหารจัดการทรัพยากร โดยเฉพาะประยุกต์ข้อมูลจากดาวเทียมร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้มีความถูกต้องและแม่นยำ โดยมีนักวิจัยอีกหลายหน่วยงานร่วมดำเนินการ ซึ่งโครงการ “ประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและความเสียหายของพืชเกษตรรายแปลง ด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ” ได้ผลผลิตสำคัญ คือ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในการประเมินผลกระทบจากภัยแล้งเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย โดยในวันนี้เป็นโอกาสในการนำเสนอให้หน่วยงานผู้ใช้ประโยชน์รับทราบ และขอรับความคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน เพื่อนำมาพัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถส่งต่อไปสู่การนำไปใช้ประโยชน์ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้ใช้งาน
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า เทคโนโลยีที่สามารถติดตามประมวลผลข้อมูลทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ตรวจสอบได้ เช่นเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญในการประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งในระดับประเทศ และประเมินความเสียหายของพืชเกษตรในระดับรายแปลง ได้แก่ พื้นที่ปลูกข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย ปัจจุบันทาง GISTDA ได้ทำการสร้างแบบจำลองประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและความเสียหายของพืช ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ซึ่งมีความถี่ในทุกๆ สัปดาห์ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการชี้เป้า การบริหารจัดการพื้นที่ทางการเกษตร และจัดทำแพลตฟอร์มสนับสนุนการตัดสินใจ ในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง โดยการสนับสนุนจาก วช. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา GISTDA ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา และสำนักปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีเป้าหมายในการดำเนินงานร่วมกัน ที่จะมุ่งหวังต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเกษตรเชิงพื้นที่ต่อสถานการณ์ภัยแล้ง ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นโอกาสที่ดีที่มีเวทีร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและความเสียหายของพืชเกษตรรายแปลงในครั้งนี้
ภายในงาน มีการเสวนาในหัวข้อ “เกษตรไทยเท่าทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” โดยมี นางพรรณาภา ปรัชญาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมการเกษตร นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน ดร.ปกรณ์ เพ็ชรประยูร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ดร.สมชาย ใบม่วง ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านอุตุนิยมวิทยา อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และได้มีการแนะนำระบบการประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและความเสียหายของพืชเกษตรรายแปลงด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ โดย นางสาววรนุช จันทร์สุริย์ หัวหน้าโครงการและคณะนักวิจัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช.
ทั้งนี้ ทุกภาคส่วน สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มติดตามพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและความเสียหายของพืชเกษตรรายแปลง ได้ทางเว็บไซด์ http://cropsdrought.gistda.or.th และแอปพลิเคชันบนมือถือ “เช็คภัยแล้ง” ทั้งในระบบ IOS และ Android
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.