8 กันยายน 2565 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือ อว. นำโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ สกสว. และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA จัดสัมมนา “ก้าวต่อไปของแผนที่นำทางการวิจัยขั้นแนวหน้าด้านระบบโลกและอวกาศ” หรือ “Earth Space System Frontier Research National Roadmap: NEXT Step” เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับประเทศไทยในการใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีอวกาศสำหรับการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และความมั่งคั่งให้กับคนไทย เตรียมดันสู่การใช้งานจริงเร็วๆนี้ โดยงานจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
ดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล โฆษก GISTDA และผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคโนโลยีกิจการอวกาศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาคมนักวิจัยระบบโลกและอวกาศที่มีอยู่กว่า 100 คนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและจัดทำแผนที่นำทางการวิจัยขั้นแนวหน้าด้านระบบโลกและอวกาศ เพื่อให้ได้องค์ประกอบและความสัมพันธ์ในมิติต่างๆ ที่มีต่อโลกมนุษย์และประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่มีความสัมพันธ์กับเวลา การเกิดพิบัติภัยในรูปแบบต่างๆ ตามบริบทโลกและสภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม รวมถึงภัยจากอวกาศที่สร้างผลกระทบและความเสียหายต่อประเทศ ซึ่งได้มีการนำองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือหลักในการออกแบบและจัดทำ เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติที่สมบูรณ์มากขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อการนำไปใช้วางแผน ป้องกัน และบรรเทาวิกฤตการต่างๆ ในอนาคต
โฆษก GISTDA กล่าวอีกว่า ปีที่แล้วคณะทำงานได้เสนอแผนฯ ดังกล่าวให้กับผู้เชี่ยวชาญ กลุ่ม Stakeholder กลุ่ม Partner ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมกันพิจารณาให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงแผนงานวิจัยฯ ซึ่งเราได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากทุกภาคส่วนในการให้คำแนะนำต่างๆ ทำให้การทำงานมีความง่ายขึ้น จนมาถึงวันนี้ที่เราได้มีโอกาสนำแผนที่นำทางฯ ฉบับร่างมาร่วมกันพิจารณาอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมในสาระสำคัญบางประการ อาทิ ความชัดเจนของผลผลิตที่ได้จากองค์ความรู้ และแนวทางการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ เป็นต้น ก่อนที่จะนำแผนที่นำทางฯ เข้าสู่กระบวนการการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ สกสว. ต่อไป
ด้าน ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นในระดับแนวหน้า หากพูดถึงด้านความรู้ความสามารถมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่มีความสามารถในระดับนานาชาติ การวิจัยด้าน ESS จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาในทุกๆด้าน โดยเฉพาะด้านการค้า ด้านเศรษฐกิจจะก่อให้เกิดมูลค่าจำนวนมหาศาล สกสว. ให้ความสำคัญในเรื่องนี้และได้มองปัญหารอบด้าน จึงพยายามผลักดันและส่งเสริมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในด้านนี้และมาทำงานร่วมกันให้ได้ ทั้งด้านการวิจัยกลุ่มสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ สภาพแวดล้อมภายในโลก เช่น ปัญหาอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น ระบบน้ำทะเล รวมไปถึงระบบนิเวศต่างๆ และการเพาะปลูก
อย่างไรก็ตาม การศึกษาวิจัยในเรื่องนี้ประเทศไทยจะต้องมีความร่วมมือกับต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าและมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านนี้อย่างชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมานักวิชาการไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ การวิจัยด้าน ESS จึงมีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาประเทศในหลายๆด้าน พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมศักยภาพของประเทศและความเชื่อมั่นต่อไปในระดับสากล
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.