เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่” เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมในระดับพื้นที่ โดยน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมกับการใช้ระบบและองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม สู่การบริหารจัดการน้ำและยกระดับอาชีพให้กับชุมชน โดยมีนางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ ด้านการบริหารจัดการน้ำ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) คณะผู้บริหารจาก อว. และ มท. ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วม ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพฯ
นายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง มท. กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเป็นเครื่องมือแก้จน และช่วยแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม โดยจะร่วมมือกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำมาใช้ในการจัดการน้ำ ผ่านคลินิกน้ำของกระทรวง อว. เพื่อพัฒนากลไกถ่ายทอดและพัฒนาบุคคลากร กลุ่มผู้ใช้น้ำ และจัดทำแผนปฏิบัติการในระดับต่าง ๆ บนฐานของข้อมูล ความรู้และความเสี่ยง ที่เชื่อมโยงกับลุ่มน้ำ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนดำเนินงานเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาน้ำทั้งระบบอย่างเป็นองค์รวม แม้เราจะมีหน่วยงานส่วนกลางเป็นศูนย์รวมในการปฏิบัติงาน แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็มีบทบาทสำคัญในการนำนโยบายและนวัตกรรมต่าง ๆ ไปปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและสิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนในพื้นที่ ซึ่งเราจะต้องทำให้สำเร็จ และทำงานเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายด้วยเทคนิคและความรู้ใหม่ ๆ ที่จะได้จากความร่วมมือกับ อว. ในวันนี้เรามาร่วมกันแสดงพลังและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมั่นคงให้กับประเทศของเรา ขอให้ความร่วมมือในวันนี้เป็นหมุดหมายของความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ อันจะยังประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และการพัฒนาประเทศในระยะยาวต่อไป
ขณะที่ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า กระทรวง อว.ได้บูรณาการเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำและแก้ปัญหาภัยพิบัติ รวมถึงการพัฒนานโยบายและมาตรการต่าง ๆ โดยให้มหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวง อว.เข้าไปมีส่วนร่วมกับพื้นที่และชุมชน เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยไปสู่การแก้ไขปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานวิจัย เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์สถานการณ์น้ำ การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือที่ช่วยแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมน้ำแล้ง โดรนสำรวจและติดตามสถานการณ์น้ำ และการพัฒนาระบบจัดการน้ำอัจฉริยะที่ควบคุมและบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิผลมากขึ้น สกสว.จะเป็นโซ่ข้อกลางในการจัดสรรงบประมาณผ่านหน่วยบริหารและจัดการทุนเพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาแก่สถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานวิจัย โดยหวังว่าเราจะร่วมกันสร้างสรรค์อนาคตประเทศไทยด้วยการแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วมในระดับพื้นที่อย่างยั่งยืน
ด้าน รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สกสว. ระบุว่า สกสว.ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ จึงสนับสนุนงบประมาณทั้งทุนสนับสนุนงานมูลฐานเพื่อสร้างความเข้มแข็งตามพันธกิจหน่วยงาน และทุนสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์เพื่อจัดสรรงบประมาณตามแผนงานสำคัญและแผนงานย่อย เพื่อการวิจัยด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ นอกจากนี้ในปี 2567 ยังสนับสนุนงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ มุ่งบูรณาการแก้ปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ผ่านหน่วยบริหารและจัดการทุนและหน่วยงานที่มีพันธกิจการวิจัยเรื่องน้ำทั้งในและนอกกระทรวง อว. เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งในสภาวะปกติและสภาวะวิกฤติของประเทศให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงานการนำผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์ ด้านการบริหารจัดการน้ำ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวเสริมว่า การบริหารจัดการแผนงานยุทธศาสตร์ “แผนงานบริหารจัดการน้ำ” จะมุ่งไปที่คลินิก อว. 4 ด้าน ได้แก่ 1) คลินิกพัฒนาคน เกิด smart people ทั้งเกษตรกร องค์กรผู้ใช้น้ำ เจ้าหน้าที่ อปท. ชลประทาน 2) คลินิกสารสนเทศ มีระบบสารสนเทศน้ำชุมชนเพื่อการบริหารจัดการน้ำ เพื่อสร้างความเป็นธรรม ใช้น้ำอย่างประหยัด เกิดผลกระทบสูงสุด 3) คลินิกน้ำ ได้แผนน้ำชุมชนเชื่อมโยงกับแผนน้ำจังหวัด 4) คลินิกเกษตร เกิดรูปธรรมในการสร้างรายได้แก้จนสู่สังคมแห่งความสุข โดยมีเป้าหมายลดการใช้น้ำลงร้อยละ 15 ผ่านการใช้เทคโนโลยีและกระบวนการชุมชนที่นำไปสู่การจัดการน้ำร่วมกันในทุกระดับ ภายใต้แนวคิด “ลดภัย ลดความเสียหาย เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย”
เผยแพร่ข่าว : นายปวีณ ควรแย้ม
ถ่ายภาพ : นางสาวอชิรญา รุจิระกุล
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.