“ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง” เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษาฯ ลงพื้นที่ “นราธิวาส ยะลา ปัตตานี” ตรวจติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตด้านการเกษตร (ด้านปศุสัตว์) พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมหามาตรการช่วยเหลือชาวบ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้วยการ “อัพสกิล - รีสกิล" เพิ่มศักยภาพรวมทั้งเปิดรับอาสาสมัครวิทยาศาสตร์ ดึงชาวบ้าน เข้ามามีส่วนร่วมนำเสนอปัญหา ให้กับคลินิกเทคโนโลยีของ อว.เข้าไปแก้ไข ขณะเดียวกัน อว.จะหาช่วยหาช่องทางโปรโมทสินค้าและหาช่องทางการตลาดกับชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมผู้บริหาร อว.ลงพื้นที่เยี่ยมชมผลสำเร็จโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตด้านการเกษตร(ด้านปศุสัตว์) พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ จ.นราธิวาส ยะลาและปัตตานี
โดยจุดแรกเยี่ยมชมผลสำเร็จจากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตด้านการเกษตร (ด้านปศุสัตว์) ที่กลุ่มเลี้ยงโคช่องเขต อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีสมาชิก ทั้งหมด 30 ราย จำนวนโค 200 กว่าตัว เป็นกลุ่มที่มีการขุนเพื่อขายทั้งตัว และมีการแปรรูปเนื้อ โดยกลุ่มจะมีพื้นที่คอกกลางสำหรับรับโคของสมาชิกมาขุนให้ได้น้ำหนักและรอจำหน่าย อีกส่วนก็จะแปรรูปเป็นเนื้อสไลด์ เนื้อเบอร์เกอร์ เนื้อสเต๊ก โดยมีตลาดเนื้อโคแปรรูปจากการขายออนไลน์เกือบทั้งหมด สมาชิกทุกคนมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลิตโคขุนคุณภาพสูง มีการพัฒนาสายพันธุ์โค การทำผลิตภัณฑ์เพื่อจัดจำหน่าย สิ่งที่ทางโครงการกำลังเร่งดำเนินการ มีดังนี้ 1.การพัฒนามาตรฐานฟาร์ม 2.การพัฒนาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์จากเนื้อโค 3.การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลาย 4.การสร้างห้องแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับการผลิตที่ได้มาตรฐาน และ 5.การให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการชิ้นส่วน แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มเลี้ยงโคช่องเขต มีความต้องการตลาดรองรับที่แน่นอน โรงเชือด/ ชำแหละ/ แปรรูป ที่ได้มาตรฐาน มาตรฐานฟาร์มที่ยได้มาตรฐานและต้องการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเนื้อที่ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศมีราคาถูกกว่า
ต่อมา ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เดินทางไปยังกลุ่มแพะอารมณ์ดี ต.บันนังสาเรง อ.เมือง จ.ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นฟาร์มภายใต้เครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะนมจังหวัดยะลา เป็นฟาร์มแพะนมสายพันธุ์ซาแนน ซึ่งสามารถให้น้ำนมเฉลี่ยตัวละกิโลครึ่งต่อวัน ปัจจุบันที่ฟาร์มมีแพะเลี้ยงจำนวนทั้งหมด 20 ตัว มีแพะที่พร้อมให้น้ำนมได้แล้วสามารถให้น้ำนมได้ประมาณวันละ 5 - 6 กิโลกรัม ในฟาร์มมีการเปิดเพลงให้ฟังอยู่เสมอ ทั้งในช่วงเวลาให้อาหารและช่วงรีดนมแพะเพื่อให้แพะรู้สึกผ่อนคลาย อาหารที่ใช้เลี้ยงจะเป็นหญ้าหวาน ผิวถั่วเหลือง ต้นข้าวโพด เป็นต้น มีแปลงปลูกหญ้าหวาน ประมาณ 1 ไร่ โดยหญ้าหวาน และผิวถั่วเหลืองเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูง ส่งผลให้น้ำนมมีคุณภาพดี ให้มีความหวานในน้ำนม เพิ่มน้ำนม และช่วยให้น้ำนมแพะไม่มีกลิ่นคาว ในด้านการทำการตลาดนั้นมีทั้งการขายตรงจากฟาร์ม และทางตลาดออนไลน์ผ่านทางช่องทางเฟสบุ๊ค
ปัจจุบันกลุ่มแพะอารมณ์ดี ได้ทำความร่วมมือบริษัทเอกชนเพื่อต่อยอดทางการตลาด รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานฟาร์ม การพัฒนาความหลากหลายของสินค้าที่ใช้น้ำแพะเป็นส่วนประกอบหลัก การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลาย การหาโรงงานแปรรูปที่ได้มาตรฐานเพื่อจ้างผลิตนมแพะพร้อมดื่มรสชาติต่างๆ การนำนมแพะมาทำนมผง เป็นต้น เนื่องจากที่ผ่านมา ในช่วงโควิดได้ประสบปัญหาเรื่องนมแพะล้นตลาดจึงต้องการหันมาแปรรูปนมแพะเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นและสามารถเก็บไว้ได้นานขึ้น ฟาร์มยังไม่ได้มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์จากนมยังไม่ได้มาตรฐาน ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากนมแพะให้หลากหลายขึ้น
จากนั้น ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เดินทางไปเยี่ยมชมห้องปฎิบัติการแปรรูปและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโค นมแพะ แพะเนื้อ และ ไก่เบตง ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการแปรรูปต้นแบบขนาดเล็ก ในการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ด้านปศุสัตว์ (โคเนื้อ แพะเนื้อ แพะนม และไก่เบตง) ผ่านกระบวนการเทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้วยใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ ในการพัฒนาเพื่อเข้าสู่กระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย และได้รับมาตรฐาน อย. และฮาลาล
ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ หลังเยี่ยมว่า โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตด้านการเกษตร (ด้านปศุสัตว์) พื้นที่จังหวัดภาคใต้ชายแดน เป็นโครงการที่ดี และจะต้องสนับสนุนเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่เป็นผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการต่อยอดสินค้าที่ทำอยู่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดย อว.จะเข้าไปช่วย “อัพสกิล - รีสกิล" ให้กับชาวบ้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ในโลกธุรกิจยุคใหม่ ทั้งจะเปิดรับอาสาสมัครวิทยาศาสตร์ โดยดึงชาวบ้านและประชาชน ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดวุฒิการศึกษา เข้ามามีส่วนร่วมเป็นอาสาสมัครวิทยาศาสตร์ เพื่อนำเสนอปัญหาที่แต่ละกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้กับคลินิกเทคโนโลยีของ อว.เข้าไปแก้ไข เช่น เรื่อของการรับรองมาตรฐานสินค้า การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ขณะเดียวกัน อว.จะหาช่วยโปรโมทสินค้าและหาช่องทางการตลาดกับชาวบ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เช่น อาจจะเปิดตลาดให้ใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
“ที่สำคัญ ผมได้สั่งการให้สำนักส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักงานปลัด อว.เก็บประเด็นความต้องการของชาวบ้าน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มต่างๆ เพื่อนำมากแก้ปัญหาต่อ เช่น สินค้าที่ผลิตยังไม่มีการรับรองมาตรฐาน มาตรฐานฟาร์ม การแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ได้มามาตรฐาน เป็นต้น เพื่อแนวทางการต่อยอดทางธุรกิจของสินค้าให้กับชาวบ้าน” ผศ.ดร.ดวงฤทธิ์ กล่าว
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.