(5 ตุลาคม 2564) หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ร่วมหารือและลงนามบันทึกข้อตกลงการผลักดัน โครงการความร่วมมือเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 และควบคุมการระบาดระลอกใหม่ด้วยนวัตกรรม (Ending Pandemics through Innovation) มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมทั้งด้านสังคมและด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรวดเร็วและเบ็ดเสร็จ และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นให้ประชาชนสามารถอยู่กับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย รวมถึงเตรียมการป้องกันการระบาดระลอกใหม่และจากเชื้อโรคใหม่ในอนาคต ตลอดจนการประสานภาคีเครือข่ายของทั้งสองกระทรวงในบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกภาคส่วนมุ่งสู่เป้าหมายสำคัญให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด–19 ของประเทศไทยที่ผ่านมา บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมควบคุมโรคเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินการวางแนวทาง และมาตรการต่างๆ ให้สามารถต่อสู้กับโรคโควิด-19 เพื่อยุติสถานการณ์ความรุนแรงอย่างรวดเร็วที่สุด เราพบว่า สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการประสานพลังของเครือข่าย มาตรการที่มีประสิทธิภาพ และการใช้นวัตกรรมในการบริหารจัดการสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน ซึ่งกระทรวง อว. ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้มาโดยตลอด และโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ เป็นกำลังสำคัญในการรับดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยเฉพาะผู้ป่วยหนักและวิกฤต ซึ่ง สธ. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในประเด็นดังกล่าว ในวันนี้จึงได้จับมือกันกับกระทรวง อว. ขับเคลื่อนโครงการความร่วมมือเพื่อยุติการระบาดของโรคโควิด-19 และควบคุมการระบาดระลอกใหม่ด้วยนวัตกรรม เพื่อจัดการและยุติการระบาดของโรคโควิด-19 โดยคาดหวังผลให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว โดยการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะต่อยอดการสร้างพลังและมาตรการที่เข้มแข็งและยั่งยืนจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
ศ. (พิเศษ) ดร.เอนก รมว.อว. กล่าวว่า กระทรวง อว. เป็นกองหนุนสำคัญในการดำเนินการในด้านต่างๆ โดยมีทั้งโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ ที่เป็นกำลังสำคัญในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามและศูนย์ฉีดวัคซีนโดยมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวมทั้งมีหน่วยงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ได้สร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้มาสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 มาโดยตลอด จากการดำเนินงานที่ผ่านมา อว. และ สธ. เห็นตรงกันว่า บทเรียนจากการระบาดของโรคที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมากโดยต้องบริหารจัดการให้แน่ใจว่าประเทศไทยต้องสามารถควบคุมและยุติการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว และให้ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศกลับมาขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยสามารถดูแลจัดการควบคุมและป้องกันการระบาดต่อไปได้อีก ซึ่งจะต้องมาจากการที่ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ในทางการแพทย์ สาธารณสุข และนวัตกรรมที่มีมาตรฐานและใช้งานได้จริง รวมทั้งการบริหารจัดการโดยใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย ทั้งนี้ อว. ในฐานะที่เป็นกระทรวงหลักในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ จึงเห็นความสำคัญอย่างยิ่งของการสร้างความร่วมมือกับกระทรวง สธ. ในวันนี้ และคาดหวังว่าจะทำให้เกิดการพัฒนาระบบการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ใช้นวัตกรรมด้านสังคม และนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยปลอดภัยและมีความมั่นคงด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ รัฐมนตรีของทั้งสองกระทรวงได้เป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยปลัดกระทรวง สธ. และปลัดกระทรวง อว. ลงนามพร้อมด้วยอธิบดีกรมควบคุมโรคและผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) เพื่อผลักดันแผนงานดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทางกระทรวง อว.สนับสนุนงบประมาณดำเนินการ โดยมีตัวอย่างการดำเนินงานที่สำคัญภายใต้โปรแกรมดังกล่าว อาทิ โครงการระดับชาติในการรับมือกับโรคระบาดพร้อมแนวปฏิบัติและขั้นตอนที่ชัดเจน ระบบการพยากรณ์และคาดการณ์โรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำในอนาคต ระบบการบริหารจัดการเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ระบบศูนย์คัดกรองข่าวปลอมและเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ตลอดจนการพัฒนาและขับเคลื่อนผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง ตั้งเป้า “ชุมชนดูแลตนเองได้” ฯลฯ เชื่อได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่สำคัญของประเทศ สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยจะสามารถควบคุมได้ภายในปี 2565 และประเทศไทยจะพร้อมรับมือการระบาดในระลอกต่อๆ ไปได้
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.