รมว.อว. เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สมัยพิเศษ

          ศาสตราจารย์ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สมัยพิเศษ ร่วมกับนายหวัง จื้อกัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 โดยมีรัฐมนตรีและผู้แทนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมการประชุม

         การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีนด้าน วทน. สมัยพิเศษมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ที่ประชุมร่วมความเห็นชอบต่อ ASEAN-China Plan of Action for a Closer Partnership of Science, Technology and Innovation for Future (2021-2025) ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติสนับสนุนการดำเนินงานด้าน วทน. ระหว่างอาเซียนและจีนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อีกทั้งการประชุมครั้งนี้ถือเป็นการร่วมฉลองครบรอบ 30 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน โดยผู้แทนแต่ละประเทศได้ให้การสนับสนุนและให้ข้อคิดเห็นซึ่งเน้นย้ำว่าความร่วมมือด้าน วทน. ระหว่างอาเซียนและจีนมีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากอาเซียนและจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานและแผนปฏิบัติการดังกล่าวจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีนให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ความร่วมมือด้าน วทน. จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคอย่างยั่งยืน

         แผนปฏิบัติการ ASEAN-China Plan of Action for a Closer Partnership of Science, Technology and Innovation for Future (2021-2025) เป็นแผนการเพื่อขับเคลื่อน Joint Statement on ASEAN-China, Science, Technology and Innovation Cooperation ซึ่งยกร่างโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สปป. ลาว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินความร่วมมือด้าน วทน. ระหว่างอาเซียนและจีน อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางด้านนโยบายด้าน วทน. การวิจัยร่วม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนบุคลากร ในเบื้องต้นที่ประชุมได้ให้การเห็นชอบต่อแผนปฏิบัติการดังกล่าว โดยกระทรวง อว. จะดำเนินการขอความเห็นชอบต่อ ครม. ก่อนแจ้งรับรองแผนอย่างเป็นทางการแก่สำนักงานเลขาธิการอาเซียนต่อไป