วันที่ 11 มีนาคม 2565 ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) ให้เกียรติร่วมบรรยายในการจัดอบรมหลักสูตร “ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง” รุ่นที่ 26 ในหัวข้อ “อว. กระทรวงแห่งการปฏิรูป” และ “เหลียวหลังมองอดีตที่รุ่งเรืองของแผ่นดินไทย : สุวรรณภูมิ” ณ ห้องสัญญา ธรรมศักดิ์ ชั้น 7 สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม
ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า กระทรวงนี้เกิดจาก การนำ 3 กระทรวงมารวมกัน 1. ส่วนที่เป็นอุดมศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการก็คือมหาวิทยาลัย 150 แห่งโดยประมาณ มหาวิทยาลัยของภาครัฐครึ่งหนึ่งของภาคเอกชนครึ่งหนึ่ง 2. ส่วนที่เป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์ทั้งหมด มีหน่วยงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์การมหาชน ทำเรื่องที่เกี่ยวกับวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประมาณ 30 หน่วย พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย มีสถาปัตย์เทคโนโลยีนิวเคลียร์ มีสถาบันดาราศาสตร์ 3. ส่วนที่เป็นสำนักงานนายก ขึ้นกับนายกโดยตรง คือสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ฉะนั้นพอมารวมเข้ากันถือเป็นกระทรวงที่ใหญ่มาก
ภารกิจ คือ ต้องทำให้ความรู้สมัยใหม่ความรู้ชั้นสูง เทคโนโลยีทุกๆ ระดับ นำมาสร้างมาพัฒนาประเทศ เรากำลังเข้าสู่ยุคที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เปลี่ยนแบบไม่เห็นหน้าไม่เห็นหลัง ทำอย่างไรให้ประเทศไทยอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ แล้วก็เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วให้ได้ในปี 2580 กระทรวง อว. เองภายในปี 2570 เราจะเป็นกลไกสำคัญของประเทศที่จะขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาแล้วภายในปี 2580 เราวางเส้นตายให้ตัวเองเร็วกว่าประเทศชาติ 10 ปี เพราะว่าการพัฒนายุคนี้เป็นการพัฒนาแบบที่เราไม่เคยเห็น จากการเป็นประเทศกำลังพัฒนาจะออกจากการเป็นประเทศที่ด้อยการพัฒนาไปเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งหมายความว่ามีรายได้ค่อยข้างสูง และเศรษฐกิจต้องอิงอยู่บน 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. เศรษฐกิจต้องอิงอยู่บนความคิดสร้างสรรค์ ฉะนั้นจะไม่ใช่สอน ไม่ใช่วิจัย ไม่ใช่ทำนวัตกรรมไปเรื่อยๆ ต้องเป็นงานที่จะขับให้ประเทศไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว แล้วก็ต้องทำให้เป็นประเทศที่ไม่เหมือนเดิม
งานราชการไทยที่ทำกันมาก็ทำดีมาทั้งนั้น หลายกระทรวงเป็นการทำงานเรื่องเฉพาะหน้า แล้วคนไทยก็ชอบให้รัฐบาลทำเรื่องเฉพาะหน้าให้ตัวเอง แต่กระทรวงนี้ถูกวางไว้ให้ทำเรื่องเฉพาะหน้า ให้ทำเรื่องระยะยาวและระยะปานกลางด้วย ผลประโยชน์ของประเทศไม่ได้มีแค่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า แต่จะต้องทำเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ระยะยาว ต้องทำให้คนออกจากความคิดเดิมที่ไม่เชื่ออนาคตของประเทศ ไม่เชื่อว่าประเทศจะออกจากความด้อยพัฒนาหรือความพัฒนาได้ ไม่เชื่อว่าประเทศจะเป็นชาติวิทยาศาสตร์ได้ จะเป็นชาติเทคโนโลยีได้
รมว.อว. กล่าวต่อว่า เมื่อเข้ามาอยู่ในกระทรวง อว. พบว่างานวิทยาศาสตร์ของประเทศก้าวหน้าอย่าง ตัวอย่างเช่น เรื่องแรก คือ อีก 6 - 7 ปีข้างหน้า เราจะส่งยานอวกาศไปโคจรรอบโลกได้ ระบบของเราอาจจะมีข้องบกพร่องอันนี้ยอมรับ แต่ก็กำลังแก้ไขในสิ่งที่รับผิดชอบอยู่ แม้ว่าระบบของเราจะไม่ค่อยดี แต่คนของเราเก่ง ทำผลงานออกมาตลอด อีกเรื่อง คือประเทศไทยมีเครื่องฉายแสงที่สามารถสร้างพลังงานแบบดวงอาทิตย์บนโลกนี้ได้ ประมาณล้านองศาขึ้นไป เรากำลังติดต่อเครื่องนี้อยู่
ประเทศมีลักษณะพิเศษ คือ งบวิจัยและพัฒนาเป็นงบของรัฐบาลกับเอกชน ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่งบของภาคเอกชนสูงมาก คือ 80% ส่วนงบของภาครัฐ 20% หน้าที่ของกระทรวง อว. คือ นำ 20% ไปดึงดูด 80% ให้มาช่วย ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นได้เราจะต้องไม่วิจัยไปเรื่อยๆ ไม่วิจัยเพื่อความก้าวหน้าของวิชาชีพของเราเท่านั้น ต้องวิจัยเพื่อให้ธุรกิจได้ประโยชน์เขาจึงจะนำเงิน 80% มาลงวิจัย ซึ่งเราก็ทำได้ เช่น การที่เราเอางบของกองทุนวิจัยและวิทยาศาสตร์ มาทำกองทุนนวัตกรรมร่วมกับสภาอุตสาหกรรม เพื่อจะยกระดับ SME สภาอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหญ่ ธุรกิจใหญ่อยู่ไม่ได้ถ้าธุรกิจเล็ก กลางอยู่ไม่ได้ นั่นจึงทำให้เขามาสนใจ SME แล้วก็พบว่า SME ต้องการมากที่สุด คือ ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.