แก้วเพื่อการกักเก็บพลังงานแห่งอนาคต
“แก้วหน้าที่พิเศษ” วัสดุใหม่เพื่อกักเก็บพลังงานแห่งอนาคต สำหรับพัฒนาสู่แบตเตอรี่ที่มีสมบัติใช้งานได้ยาวนานขึ้น มีความจุมากขึ้น ใช้งานได้ปลอดภัยระหว่างชาร์จและใช้งาน สามารถขึ้นรูปได้ตามรูปทรงของแบตเตอรี่ และมีศักยภาพในการกักเก็บพลังงานสะอาด สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) พัฒนาแก้วสำหรับผลิตขั้วแคโทดของแบตเตอรี่ ทดแทนขั้วแคโทดรูปแบบเดิมที่เป็นผลึกซึ่งเสื่อมสภาพได้ง่าย แต่วัสดุแก้วมีความคงทนกว่าและสามารถขึ้นรูปเป็นแบตเตอรี่ได้หลากหลายรูปแบบตามต้องการ โดยแก้วหน้าที่พิเศษนี้สามารถเก็บประจุได้ 2 เท่าของแบตเตอรี่ที่มีใช้งานในเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน
ทีมวิจัยได้เน้นศึกษาพัฒนาเป็นวัสดุแคโทดในแบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออน และแบตเตอรี่ชนิดของแข็ง เพื่อมุ่งพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป และได้นำเทคโนโลยีแสงซินโครตรอนมาศึกษาโครงสร้างของแก้ว รวมทั้งมีการทดสอบสมบัติเชิงแสง สมบัติทางแม่เหล็ก และสมบัติทางเคมีไฟฟ้าของแก้วที่เตรียมได้ เพื่อตรวจสมบัติของแก้วที่ได้นี้ แล้วนำไปพัฒนาเป็นวัสดุสำหรับตัวเก็บประจุไฟฟ้าศักยภาพสูงหรือแบตเตอรี่เพื่อกักเก็บพลังงานสะอาดในอนาคตได้
ที่มา : สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (สซ.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร (สอ.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : @MHESIThailandth
Instagram : mhesi_thailand
Tiktok : mhesi_thailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.