“ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม” ไม่ได้มีไว้แค่การรายงานพื้นที่น้ำท่วม น้ำแล้ง ไฟป่า หรือว่าแสดงพื้นที่ประสบภัยพิบัติ แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ อีกมากมาย เช่น ด้านการเกษตร ป่าไม้ การบริหารจัดการเมือง รวมถึงการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศ ที่นอกจากจะสร้างโอกาส สร้างความเป็นธรรมด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์แล้ว ยังเป็นเครื่องมือช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ที่ผ่านมา..การพิสูจน์สิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของกลุ่มผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของรัฐอย่างผิดกฎหมาย แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายในการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับชุมชน เพื่อสร้างรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และลดการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนานในกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ในการครอบครอง ทำให้ผู้อยู่อาศัยจำนวนมากไม่สามารถขอใช้ไฟฟ้าและน้ำประปา ซึ่งเป็นสิทธิในสาธารณูปโภคพื้นฐานได้ แม้ว่าจะอยู่ในเขตพื้นที่การให้บริการ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้มีการออกทะเบียนบ้านชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ประชาชน ยังคงต้องจ่ายค่าสาธารณูปโภคในอัตราที่สูงกว่าบ้านปกติ “ข้อเรียกร้องจากประชาชนเรื่องสิทธิในการเข้าถึงสาธารณูปโภคเหล่านี้” จึงยังคงมีอยู่...
ข่าวดี.. ในปี 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกับต้นแบบกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐรูปแบบใหม่ ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(สคทช.) เสนอ ซึ่งมี 3 ระดับ 9 ขั้นตอน รวมถึงให้มีการขับเคลื่อนการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิการครอบครอง
ที่สำคัญ...ในขั้นตอนของกระบวนพิสูจน์สิทธิ์ดังกล่าว ได้กำหนดให้ใช้ “ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม” ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เข้ามาช่วยในการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ จากเดิมที่กำหนดไว้เพียงข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ เท่านั้น
จึงนับเป็นก้าวแรกของการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศในการตรวจสอบร่องรอยการใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ที่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาได้
สำหรับ GISTDA เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรม โดยมีฐานข้อมูลและเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศจากระบบถ่ายภาพด้วยดาวเทียม โดยเฉพาะดาวเทียมไทยโชต และดาวเทียมธีออส 2 รวมถึงยังมีระบบสำรวจอื่น ๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ด้านการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ
“นางธัญวรัตม์ อนันต์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักประยุกต์และบริหารภูมิสารสนเทศ GISTDA ผู้จัดการโครงการพัฒนาระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดิน กล่าวว่า การนำภาพถ่ายดาวเทียมเข้ามาเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณา จะมีส่วนช่วยทำให้การขับเคลื่อนการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา และพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐสามารถดำเนินการได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการรับรองสิทธิเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานได้อย่างเท่าเทียม โดยพิจารณาจากร่องรอยการทำกิน ซึ่งข้อมูลที่นำใช้ มีทั้งภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 ภาพถ่ายดาวเทียม ปี 2557 และ ปี 2567 ซึ่งแสดงสภาพการใช้ประโยชน์พื้นที่หรือสภาพชุมชนในปัจจุบัน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นหลักฐานในเชิงประจักษ์
“ GISTDA มีการนำภาพมาแปลตามหลักวิชาการแล้ว ให้หน่วยงานนำไปใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะให้สิทธิในการใช้ไฟฟ้า น้ำประปาหรือไม่ GISTDA เป็นเพียงผู้เตรียมข้อมูลประกอบการพิจารณา การอนุญาตหรือไม่..ยังเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ตรวจพิสูจน์ ”
ประเทศไทยยังมีอีกหลายพื้นที่ ที่มีการเรียกร้องการขอเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบัน สคทช. ได้กำหนดพื้นที่นำร่องในการใช้ต้นแบบกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐรูปแบบใหม่ ที่จังหวัดกาญจนบุรีและแม่ฮ่องสอน ถ้าในพื้นที่ดังกล่าวได้ผล จะมีการขยายผลไปที่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป
สำหรับการนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาใช้กับการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ นอกจากการใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิสูจน์สิทธิของบุคคลที่ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐแล้ว GISTDA ยังมีความร่วมมือกับ สคทช. ในการพัฒนา “ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดิน” ซึ่งข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่มีความต่อเนื่องและได้มาตรฐานด้านความถูกต้องในเชิงตำแหน่ง สามารถนำไปพัฒนาเป็นชุดข้อมูลสำหรับใช้ประโยชน์ได้ทั้งการติดตาม ตรวจสอบ จำแนกและวิเคราะห์การใช้ประโยชน์จากที่ดิน เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้ในการบริหารจัดการที่ดินได้อย่างเป็นธรรมและยั่งยืน สามารถกำหนดมาตรการและแนวทางการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินและการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับศักยภาพในแต่ละพื้นที่ รวมถึงรองรับมาตรการตามระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป หรือ EUDR (EU Regulation on Deforestation-free products ) ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2566
ทั้งนี้ GISTDA ได้มีการจัดทำชุดข้อมูลแผนที่ฐานจากภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ถูกต้องได้มาตรฐาน โดยมีทั้งที่ระดับความละเอียด 2 เมตร ซึ่งจัดทำมาตั้งแต่ปี 2560 และในระดับ 50 เซนติเมตรที่กำลังดำเนินการในปี 2568 นี้ ชุดข้อมูลดังกล่าว สามารถนำไปใช้ในการระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์( Geo Location ) หรือการวาดแปลงต่างๆ สำหรับเกษตรกรที่ต้องการระบุพิกัดพื้นที่แหล่งผลิต เพื่อใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับตามมาตรฐานของ EUDR ได้ ซึ่ง GISTDA ได้เตรียมพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับเผยแพร่ชุดข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568 นี้.
เเหล่งที่มา : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.)
https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=8475&lang=TH
https://www.facebook.com/gistda
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กลุ่มสื่อสารองค์กร
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : MHESIThailand
Instagram : mhesithailand
Tiktok : @mhesithailand
X (Twitter) : @MHESIThailand
YouTube : @MHESIThailand
Call Center 1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.