!! ทราบหรือไม่ ประเทศไทยตอนนี้มีห้องคลีนรูมขนาดใหญ่ สำหรับการประกอบและทดสอบดาวเทียมเพื่อนำส่งขึ้นสู่อวกาศ พร้อมวิศวกรผู้มีความเชี่ยวชาญ ที่ร่วมพัฒนาดาวเทียมดวงใหม่ของประเทศอยู่ในปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้คือ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ หรือ AIT (ย่อมาจาก Assembly Integration and Testing) ตั้งอยู่ในอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
AIT เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของประเทศ กล่าวคือเป็นสถานที่สำหรับการพัฒนาชิ้นส่วน ประกอบ และทดสอบดาวเทียมที่มีน้ำหนักไม่เกิน 500 กิโลกรัม ผ่านอุปกรณ์ที่จำลองสภาพแวดล้อมบนห้วงอวกาศในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่...
Vibration Testing: เป็นอุปกรณ์จำลองการสั่นสะเทือน ซึ่งมักเกิดขึ้นระหว่างจรวดนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างของดาวเทียมมีความแข็งแกร่งเพียงพอ และสามารถรอดพ้นจากแรงสั่นสะเทือนระหว่างขึ้นสู่อวกาศได้ โดยอุปกรณ์ใน AIT ของ GISTDA สามารถจำลองแรงสั่นสะเทือนได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงตำแหน่งติดตั้งดาวเทียมในทิศทางต่าง ๆ
Thermal Cycling Testing: เป็นอุปกรณ์เพื่อทดสอบความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบนอวกาศ ซึ่งดาวเทียมจะเผชิญกับความร้อนระหว่างอยู่ในฝั่งหันเข้าหาดวงอาทิตย์ และเผชิญกับความเย็นเมื่ออยู่ในเงามืดของโลก โดยดาวเทียมในวงโคจรแบบ Low Earth Orbit จะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร้อน-เย็นในห้วงอวกาศถึง 16 ครั้งต่อวัน
Thermal Vacuum Testing: เป็นอุปกรณ์ที่ต่อยอดจาก Thermal Cycling Testing เพื่อจำลองสภาพอวกาศที่ดาวเทียมต้องเผชิญ ทั้งความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ พร้อมกับดูดอากาศออกเพื่อทำให้ภายในอุปกรณ์ทดลองเป็นสภาวะสูญญากาศ วิศวกรสามารถตรวจดูความสามารถในการถ่ายเทความร้อนของดาวเทียม การกางออกของอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง เช่นเดียวกับการคายก๊าซจากวัสดุต่าง ๆ เพื่ออยู่ในสูญญากาศ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการทำงานของอุปกรณ์บนดาวเทียมได้
Mass Properties Measurement System: เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการวัดคุณสมบัติเชิงมวลของดาวเทียม ได้แก่ น้ำหนัก (Mass) จุดศูนย์กลางมวล (Centre of Gravity) และโมเมนต์ความเฉื่อย (Moment of Inertia) ซึ่งเป็นค่าที่ผู้พัฒนาดาวเทียม จำเป็นต้องทราบเพื่อกำหนดในซอฟแวร์สำหรับควบคุมการทรงตัวของดาวเทียม (Guidance and Control System) เพื่อทำให้ดาวเทียมสามารถควบคุมทิศทาง และการหมุนตัว ในขณะที่อยู่บนวงโคจรได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ นอกจากนั้นผู้พัฒนาดาวเทียมจะต้องส่งผลการวัดค่าคุณสมบัติเชิงมวลของดาวเทียมให้กับผู้ให้บริการจรวดนำส่ง (Launch Service Provider) เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับกำหนดในซอฟแวร์ควบคุมการทรงตัวและวิถีการนำส่งของจรวด ซึ่งจะส่งผลให้จรวดสามารถนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่วิถีวงโคจรที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
ปัจจุบัน ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ เป็นสถานที่สำหรับทดสอบดาวเทียม THEOS-2A โดยวิศวกรดาวเทียมของ GISTDA ได้ร่วมพัฒนาและรับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญของประเทศอังกฤษ เพื่อนำมาส่งต่อและพัฒนาอุตสาหกรรมและบุคลากรด้านอวกาศของประเทศไทย รวมถึงการริเริ่มโมเดลวิศวกรรมของดาวเทียม THEOS-3 อยู่ในขณะนี้
ในเวลาเดียวกัน GISTDA ยังได้เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ลองประกอบดาวเทียม ภายใต้โครงการ School Satellite Competition ณ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ เพื่อเฟ้นหาตัวแทนเยาวชนไทยมาพัฒนาดาวเทียม CubeSat สำหรับนำส่งขึ้นบินจริง พร้อมกับให้บริการ AIT สำหรับการใช้งานของหน่วยงานจากภาคส่วนราชการ อาทิ การทดสอบดาวเทียม TSC-1 ภายใต้ภาคีความร่วมมืออวกาศไทย หรือ Thai Space Consortium หรือการทดสอบดาวเทียม TU-1 โดยศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ หรือ ศวอ.ทอ
นอกจากนี้ GISTDA ยังได้ให้บริการ AIT สำหรับภาคส่วนเอกชนของไทย อาทิ การทดสอบวัสดุอุปกรณ์ ของบริษัท สยามคอมเพรสเซอร์อุตสาหกรรม จำกัด เช่นเดียวกับการทดสอบโดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และรวมถึงให้บริการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้ามาทดสอบดาวเทียมชื่อว่า ‘ELITE’ (Extremely Low Earth Imaging Technology Explorer) ก่อนนำส่งขึ้นสู่อวกาศ เช่นเดียวกับหน่วยงานอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมอวกาศ ที่สามารถเข้ามาใช้บริการ AIT ได้ในอนาคต
ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ เป็นสถานที่ทดสอบมีความทันสมัย ได้รับมาตรฐานสากล พร้อมกับวิศวกรของ GISTDA ที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการประกอบและทดสอบดาวเทียมโดยตรง ซึ่งพร้อมดูแลการปฏิบัติการทดสอบอย่างครบวงจร และส่งต่อองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมอวกาศเชิงลึกให้กับบุคลากรภายในประเทศ พร้อมเป็นรากฐานสำคัญเพื่อร่วมพัฒนาขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอวกาศไทยอย่างยั่งยืน
GISTDA มุ่งมั่นพัฒนากิจการอวกาศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของประเทศ เติมเต็มช่องว่างในระบบนิเวศอวกาศของไทย และเป็นโอกาสสำหรับเยาวชนที่สนใจสายงานด้านอวกาศ เพื่อร่วมกันผลักดันประเทศ และนำคุณค่าจากอวกาศมาเพื่อพัฒนาเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม
เเหล่งที่มา : สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.)
https://www.gistda.or.th/news_view.php?n_id=8483&lang=TH
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร (สอ.)
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880
E-mail : pr@mhesi.go.th
Facebook : @MHESIThailand
Instagram : mhesi_thailand
Tiktok : mhesi_thailand
Twitter : @MHESIThailand
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.