"อว. เผยฉีดวัคซีนทั่วโลกแล้ว 1,340 ล้านโดส ใน 197 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 37.53 ล้านโดส ไทยฉีดแล้วมากกว่า 1.935 ล้านโดส"
➡️(เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 1,340 ล้านโดส ใน 197 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 21.6 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณารายประเทศพบว่าอิสราเอลได้ฉีดวัคซีนครอบคลุมเกินครึ่งของประชากรแล้ว ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 263 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 117 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว"
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 37.53 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (27.5% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 22.61 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 1,935,565 โดส โดยฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 47.7%
? ในการฉีดวัคซีน จำนวน 1,340 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
1. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 3 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 60% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 332.96 ล้านโดส (11.9% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. สหรัฐอเมริกา จำนวน 263.13ล้านโดส (41%)
3. สหภาพยุโรป จำนวน 179.04 ล้านโดส (20.2%)
2. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (58.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford และ Sinopharm )
2. อิสราเอล (58.1% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (52.4%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
4. บาห์เรน (47%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
5. ชิลี (41.5%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
6. สหรัฐอเมริกา (41%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Johnson&Johnson)
7. สหราชอาณาจักร (40.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford Moderna และ Pfizer/BioNTech)
8. ฮังการี (35.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
9. กาตาร์ (33.6%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech)
10. ภูฏาน (32.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford)
3. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 49.94%
2. อเมริกาเหนือ 22.9%
3. ยุโรป 18.26%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.99%
5. แอฟริกา 1.67%
6. โอเชียเนีย 0.24%
4. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 22,984,902 โดส ได้แก่
1. สิงคโปร์ จำนวน 3,137,330 โดส (27.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Moderna
2. กัมพูชา จำนวน 3,001,566 โดส (8.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
3. อินโดนีเซีย จำนวน 22,610,661 โดส (4.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac
4. ลาว จำนวน 502,715 โดส (3.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm
5. มาเลเซีย จำนวน 1,896,399 โดส (2.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer และ Sinovac
6. ไทย จำนวน 1,935,565 โดส (1.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
7. บรูไน จำนวน 15,905 โดส (1.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
8. ฟิลิปปินส์ จำนวน 2,542,066 โดส (1.1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac และ AstraZeneca
9. พม่า จำนวน 1,040,000 โดส (1%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
10. เวียดนาม จำนวน 851,513 โดส (0.4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ
5. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564
จัดสรรวัคซีนแล้วทั้งหมด 2,437,282 โดส
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 1,935,565 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 1,372,013 โดส
-เข็มสอง 563,552 โดส
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ข้อมูล : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
เผยแพร่โดย : นางสาวสุวดี เหมือนอ้น
กลุ่มสื่อสารองค์กร กองกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3880 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.