เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวเปิดตัวแผนพัฒนากำลังคน: ขับเคลื่อนอนาคตประเทศไทยด้วยนวัตกรรมจุดประกายประเทศไทย สู่การเป็นผู้นำด้านบุคลากรยุคใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย “IGNITING THAILAND'S FOR BRAINPOWER” โดยมี ศ.คร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) นำเสนอแผนงานและแถลงวิสัยทัศน์ในการนำส่งนโยบายสู่การปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวง อว. และมี นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวง อว. ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการเทนอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในกระทรวง อว. หน่วยงานภาคเอกชน/อุตสาหกรรม ตลอดจนนักวิชาการ อาจารย์ และนักวิจัย เข้าร่วม ณ โรงแรมโซฟิเทล กรุงเทพ สุขุมวิท
นางสาวศุภมาส กล่าวว่า แนวคิดจุดประกายประเทศไทย สู่การเป็นผู้นำด้านบุคลากรยุคใหม่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ IGNITING THAILAND's BRAINPOWER เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกระทรวง อว. ที่ต้องการผลักดันให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีศักยภาพสูง พร้อมขับเคลื่อนประเทศไปด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ก้าวหน้าล้ำยุค ซึ่ง บพค. เป็นอีกกำลังสำคัญหนึ่งของระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ที่ได้รับโจทย์ความท้าทายนี้ในการส่งเสริมการพัฒนากำลังคนให้เป็นรูปธรรม โดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย หน่วยงานภาคเอกชน และผู้ใช้ประโยชน์ อันจะเป็นระบบนิเวศการสร้างและพัฒนาบุคลากรสมรรถนะและทักษะสูงได้อย่างครบห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดตัวแผนพัฒนากำลังคนภายใต้แนวคิด “บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ” เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างและพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่ให้มีทักษะ ความรู้ และความสามารถที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายในอนาคต (Demand-driven platform) โดยแผนดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยบนเวทีโลก ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือของทุกภาคส่วน คือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวเร่งให้เราสามารถเดินทางไปสู่จุดหมาย อันเป็นเป้าหมายของการสร้างคนของประเทศได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ แก่เยาวชนไทยที่กำลังจะเข้าสู่การศึกษาในระดับที่สูงขึ้น ให้มีระบบนิเวศที่เพียบพร้อมรองรับการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเรียนรู้ตลอดทุกช่วงวัย (Lifelong learning) ทำให้ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบการศึกษาได้ ซึ่งกระทรวง อว. พร้อมสนับสนุนทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้การสร้างและพัฒนาคนเป็นรากฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นผู้นำระดับภูมิภาคและของโลกต่อไป
ด้าน ศ.ดร.สมปอง กล่าวว่า ในยุคที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ในสังคม จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนให้รองรับความผันผวนของเทคโนโลยีด้วยการสร้างทักษะใหม่ ๆ และมีองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องพัฒนาคนให้มีทั้ง Hard Skill ที่เป็นองค์ความรู้เฉพาะในสาขานั้น ๆ Technical Skill ทักษะเชิงเทคนิคอันจำเป็นการทำงานในสายอาชีพ และ Soft Skill ทักษะเชิงสมรรถนะส่วนบุคคลอันจำเป็นการพัฒนาชุดความคิด (Mindset) ซึ่งองค์ประกอบของทั้ง 3 ส่วนนี้จะทำให้ทรัพยากรบุคคลมีศักยภาพที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมใหม่ ๆ ของไทยได้เจริญเติบโตก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric vehicle, EV) ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence, Al) และเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก
ศ.ดร.สมปอง กล่าวต่อว่า บพค. มีเครื่องมือที่สนับสนุนกลไกการสร้างคน ตั้งแต่ระยะสั้น (Short-term) ที่เป็นการพัฒนาทักษะเดิมเพิ่มทักษะใหม่-อบรมบุคลากรผู้สอน (Reskill/Upskill/Train the trainer) ระยะกลาง (Middle-term) ที่เป็นแพลตฟอร์มนักวิจัยระดับหลังปริญญา (National Post-doctoral/Post-graduate system) และระยะยาว (Long-term) ที่เป็นแพลตฟอร์มวิทยสถานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ ชัชวิทย์ (Thailand Academy of Sciences, TAS) ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างบุคลากรนักวิจัยสมรรถนะสูงตอบโจทย์ตามความต้องการของหน่วยงานวิจัยและภาคเอกชน/อุตสาหกรรม ซึ่งมีงานรองรับหลังสำเร็จการศึกษาวิจัย โอกาสนี้ บพค. มีความพร้อมที่จะแถลงความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีศักยภาพสูงตามนโยบายของภาครัฐ เพื่อป้อนสู่อุตสาหกรรม EV จำนวน 3,600 คน อุตสาหกรรม Al ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเซมิคอนดักเตอร์ การแพทย์และ EV จำนวน 4,400 คน และอุตสาหกรรม Semiconductor จำนวน 9,500 คน ภายใน 5 ปี ซึ่งจะช่วยยกระดับให้ประเทศไทยมีสัดส่วน นักวิจัยจำนวน 40 คนต่อประชากร 10,000 คนให้ได้ตามเป้าหมายปี 2570 ทั้งนี้ การสร้างกำลังคนให้มีสมรรถนะและทักษะสูงจำเป็นต้องออกจากกรอบแนวความคิดเดิม เปลี่ยนผ่านไปสู่การสร้างกลุ่มคนระดับแนวหน้าของประเทศที่เรียกว่า Brainpower อย่างแท้จริง และ บพค. พร้อมที่จะสร้างระบบการพัฒนากำลังคนเหล่านี้ให้คงอยู่ได้ในระยะยาว เพื่อตอบโจทย์การสร้างคนอย่างยั่งยืนและนำพาประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วให้ได้
ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการจัดเสวนาพิเศษ ในหัวข้อ "จุดประกายประเทศไทย: พลังคนไทยสู่การเป็นผู้นำนวัตกรรม" ซึ่งได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยสถาบันไอเอ็มซี เป็นผู้ร่วมเสวนา โดยมี นายอรรณพ กิตติกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งมุ่งเน้นประเด็นความท้าทายของการพัฒนาคนในยุคแห่ง Disruptive Technology เชื่อมโยงไปถึงบทบาทหน้าที่ของแต่ละภาคส่วน ที่เป็นกำลังขับเคลื่อนแผนงานการพัฒนากำลังคนของประเทศ ให้บรรลุสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านบุคลากรที่มีคุณภาพสูงแห่งภูมิภาคในอนาคต
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.