เมื่อวันที่ 13 ต.ค.นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักศึกษาและบุคลากรสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในสังกัดและกำกับของกระทรวง อว. ที่กำลังศึกษา ฝึกงาน ทำวิจัย หรือฝึกอบรมอยู่ในประเทศดังกล่าวและอาจมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังนักศึกษาและบุคลากรที่อยู่ในประเทศข้างเคียง กระทรวง อว. จึงได้ขอความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดให้ข้อมูลจำนวนนักศึกษาและบุคลากรอุดมศึกษาของไทยที่กำลังศึกษา ฝึกงาน ทำวิจัย หรือฝึกอบรมในประเทศอิสราเอล และประเทศข้างเคียง เช่น อิรัก อิหร่าน อียิปต์ จอร์แดน และตุรกี
รมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า ล่าสุดมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) แจ้งว่ามีนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการความร่วมมือจัดการเรียนการสอนด้านการเกษตร ระหว่าง มนร. กับ Arava International Center for Agricultural Training (AICAT) ประเทศอิสราเอล จำนวน 37 คน โดยเป็นนักศึกษาจาก มนร. จำนวน 30 คน และจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร (มรภ.สกลนคร) จำนวน 7 คน ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ และจากการตรวจสอบพบว่า ทุกคนยังปลอดภัยดี ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และอยู่ในการติดตามดูแลของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศอิสราเอลอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน กระทรวง อว. ได้เร่งประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการให้นักศึกษาเดินทางกลับแล้ว
“ขณะนี้ กระทรวง อว. ได้เร่งไปยังทุกสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในสังกัดให้ตรวจสอบข้อมูลว่ามีนักศึกษาหรือบุคลากรอยู่ในอิสราเอลและประเทศข้างเคียงในช่วงนี้หรือไม่ เพื่อรวบรวมไว้เป็นข้อมูล หากสถานการณ์ทวีความรุนแรงและกระทบไปยังประเทศข้างเคียง เราจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที” นางสาวศุภมาส กล่าว
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.