ทำไมสองมาตรฐาน
คำวินิจฉัยเรื่องนี้ขอให้ไปอ่านฉบับเต็มด้วยครับ มี ๗ หน้า นำเสนอให้ได้เฉพาะประเด็นไว้เทียบเคียงว่าความผิดเดียวกัน แต่พออยู่คนละหน่วยงานได้รับการปฏิบัติต่างกัน ผู้ทำผิดข้อหาเดียวกันเขาสงสัยจึงขอข้อมูล
เริ่มจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ด้านพืช) พบว่าจังหวัดหนึ่งมีการใช้จ่ายเงินไม่ถูกต้องส่อไปทางทุจริต เป็นเหตุให้ราชการได้รับความเสียหาย มีผู้ถูกกล่าวหา จำนวน ๘๘ ราย มี ๕ ราย สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ต่อมากระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้แจ้งผลการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงให้ สปน. ทราบซึ่งต่อมา อ.ก.พ. สปน. พิจารณาเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง ๕ รายกระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรง แต่นายต้องสู้ เมื่อตอนเป็นนายอำเภอ ถูกลงโทษปลดออกจากราชการ นายต้องสู้เห็นว่ามาตรฐาน อ.ก.พ. สองหน่วยงานแตกต่างกันมากจึงได้มีหนังสือถึงสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ขอข้อมูลข่าวสารรวม ๓ รายการ คือ ๑) รายงานการสอบสวน บันทึกถ้อยคำของพยานบุคคล พยานหลักฐานและเอกสารอื่นประกอบสำนวน ๒) รายงานการประชุมของ อ.ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีมติพิจารณาผลการสอบสวนเรื่องดังกล่าว และ ๓) คำสั่งลงโทษทางวินัยผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้อุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. แต่ สปน. มีหนังสือแจ้งปฏิเสธว่า รายการที่ ๑ กระทรวงมหาดไทยกำหนดชั้นความลับไว้ จึงได้ส่งคำขอของนายต้องสู้ไปให้พิจารณา รายการที่ ๒ มีปรากฏพฤติกรรมการกระทำผิด มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้เกี่ยวข้อง จึงเป็นข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ (๕) รายการที่ ๓ เป็นข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ (๖) นายต้องสู้จึงมีหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
ในการประชุมของคณะกรรมการวินิจฉัย ฯ สปน. มีหนังสือส่งข้อมูลข่าวสารให้พิจารณาและชี้แจงว่า นายต้องสู้ไม่ได้สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกสอบสวนจากคณะกรรมการตามคำสั่งเดียวกันก็ตาม และไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับมติ อ.ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งต้นสังกัด ก็อุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค. ได้ ส่วนข้อมูลข่าวสารรายการที่ ๑ ได้ส่งคำขอไปให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้ว ซึ่งแจ้งว่าได้เปิดเผยรายงานการสอบสวน รายงานการประชุม อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทย และคำสั่งลงโทษเฉพาะของนายต้องสู้ให้แล้ว
คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารพิจารณาเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารรายการที่ ๑ สปน. ปฏิบัติตามมาตรา ๑๒ ถูกต้องแล้ว รายการที่ ๒ และรายการที่ ๓ การดำเนินการเสร็จสิ้นและมีคำสั่งลงโทษทางวินัยแล้ว แม้นายต้องสู้จะมิได้สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่การสอบสวนวินัยเรื่องนี้ “มาจากมูลกรณีเดียวกัน” การเปิดเผยจะทำให้ทราบถึงมาตรฐานการพิจารณาลงโทษข้าราชการที่ผิดวินัย จึงเห็นว่ารายงานการประชุม อ.ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยได้เว้นแต่ชื่อ นามสกุล ตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา ให้ปกปิดไว้ ส่วนคำสั่งลงโทษทางวินัยของของข้าราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๕ ราย การสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงเสร็จสิ้นแล้วจึงไม่เป็นข้อมูลข่าวสารตามมาตรา ๑๕ (๒) แต่การเปิดเผยจะแสดงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เกิดความน่าเชื่อถือการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงเปิดเผยได้เว้นแต่ชื่อ นามสกุล ตำแหน่งของผู้ถูกลงโทษทางวินัย เพราะนายต้องสู้ไม่แจ้งเหตุผลว่าจำเป็นต่อการปกป้องคุ้มครองสิทธิของตนเองอย่างไร การเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร การที่อ้างว่าข้อมูลข่าวสารกำหนดชั้นความลับไว้เป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายในหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่เหตุผลในการปฏิเสธการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน จึงวินิจฉัยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่ ๒ และรายการที่ ๓ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องโดยให้ปกปิดชื่อ นามสกุล และตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา
มีข้อสงสัยการปฏิบัติหรือจะใช้สิทธิตามกฎหมายนี้หารือไปได้ครับที่ ๐ ๒๒๘๓ ๔๖๗๘ www.oic.go.th (ที่ สค ๖๘/๒๕๖๓)
ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เผยแพร่ข่าว : นายธัชนนท์ บุญหล้า
ส่วนสื่อสารองค์กร สำนักบริหารกลาง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3728 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
Facebook : @MHESIThailand
Twitter : @MHESIThailand
Call Center โทร.1313
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการอุดมศึกษาไทย วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปสู่มาตรฐานในระดับสากล และเพิ่มอันดับความสามารถการแข่งขันในระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร หากท่านพบว่ามีข้อมูลใดๆ ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาปรากฏอยู่ในเว็บไซต์นี้ โปรดแจ้งให้ทราบ เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป
© 2020 Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation. ALL RIGHTS RESERVED.